สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในลิเบียและตะวันออกกลาง รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,437.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,428.20 - 1,441.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 40.8 เซนต์ ปิดที่ 34.835 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 14.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,859.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 5.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 822.65 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำเดือนเม.ย.ทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,437.70 ดอลลาร์/ออนซ์ สูงกว่าระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ 1,432.5 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นในลิเบียและตะวันออกกลาง ยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยง
พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียออกแถลงการณ์ครั้งล่าสุดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลลิเบียว่า เขาจะไม่ยอมลงจากตำแหน่ง พร้อมระบุว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในลิเบียเป็นการสมรู้ร่วมคิดของต่างชาติ
นอกเหนือจากที่ลิเบียแล้ว ยังมีรายงานว่าประชาชนจำนวนมากในอิหร่านและโอมานได้ออกมาประท้วงขับไล่ผู้นำ โดยเว็บไซต์ kaleme.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของกลุ่มผู้สนับสนุนการปฏิรูปอิหร่านเปิดเผยว่า ทางการอิหร่านได้จับกุมตัวแกนนำฝ่ายค้าน และได้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลและกองกำลังความมั่นคงของอิหร่าน
เทรดเดอร์กล่าวว่า กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองระหว่างประเทศอาจจะหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้