ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของ ADP Employer Services ที่ระบุว่าภาคเอกชนในสหรัฐเพิ่มการจ้างงานมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยชดเชยผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 8.78 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 12,066.80 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.11 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 1,308.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 10.66 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 2,748.07 จุด
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในลิเบียและตะวันออกกลาง รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อ ยังคงเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,437.70 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,428.20 - 1,441.00 ดอลลาร์
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปี 2551 เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากสถานการณ์รุนแรงในลิเบียทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 2.60 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 102.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.ปี 2551 และในระหว่างวันสัญญาได้เคลื่อนตัวในช่วง 99.21 - 102.41 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรปจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มยูโรโซนพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย ขณะที่ค่าเงินฟรังค์สวิสยังคงได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.66% แตะที่ 1.3866 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3775 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 1.6328 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6258 ดอลลาร์สหรัฐ
-- FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เพราะตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด รายงานประกอบการที่สดใส
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 20.87 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 5,914.89 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,865.92-5,941.82 จุด
-- ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบียจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอีก และจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 42.18 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 7,181.12 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,122.69-7,202.58 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 32.83 จุด หรือ 0.81% ปิดที่ 4,034.32 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,009.89-4,053.64 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง 8.19 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 1,153.73 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,146.97-1,161.56
ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ดิ่งลง 0.3% แตะที่ 283.77 จุด