นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้(4 มี.ค.) จะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เพื่อหาแนวทางการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า กบง.จะอนุมัติให้ชดเชยดีเซลเพิ่มขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์
ทั้งนี้ แม้สถานะของกองทุนน้ำมันจะเหลือเงินอยู่ประมาณ 21,000 ล้านบาท แต่มีภาระที่จะต้องชดเชยราคาการนำเข้าก๊าซ LPG ราว 1,500-2,000 ล้านบาท/เดือน และราคาจำหน่าย NGV อีก 400 ล้านบาท/เดือน เมื่อรวมกับการชดยราคาน้ำมันดีเซลอีกประมาณ 7,400 ล้านบาท/เดือน ทำให้กองทุนมีเงินไหลออกไม่ต่ำกว่า 8,500 ล้านบาท/เดือน และไม่น่าจะมีเงินเหลือพอที่จะชดเชยราคาน้ำมันดีเซลได้ถึงเดือนเม.ย.ตามที่มีการคาดการณ์ไว้
อนึ่ง กบง.ได้มีมติชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปแล้วทั้งสิ้นรวม 4.50 บาท/ลิตร ซึ่งหากพรุ่งนี้ กบง.มีมติเพิ่มวงเงินชดเชยอีก 50 สต./ลิตร ก็จะรวมเป็นการชดเชยราคาดีเซลทั้งสิ้นถึง 5 บาท/ลิตร
ส่วนการชดยราคาการนำเข้า LPG จะยังคงต้องแบกรับต่อไปถึงเดือนต.ค.54 จนกว่ากระทรวงการคลังจะตั้งงบประมาณเข้ามาดูแลการนำเข้า LPG แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในครั้งต่อไป หากเงินกองทุนน้ำมันลดต่ำกว่าระดับ 10,000 ล้านบาทนั้น รมว.พลังงาน ให้ความเห็นส่วนตัวว่าถึงเวลาที่จะต้องหามาตรการอื่นๆ มาชดเชยราคาน้ำมันร่วมกับการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งต้องหารือกับที่ประชุมต่อไป
รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลเพิ่มจาก 30 บาท/ลิตรว่า สาเหตุที่นายกรัฐมนตรีตรึงราคาดีเซลไว้ที่ 30 บาทลิตร เพราะไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่จะเกิดผลกระทบต่อค่าขนส่ง และค่าครองชีพของประชาชนที่จะปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน