นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติว่า ที่ประชุมมีมติไม่นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่าน้ำมันปาล์มดิบที่นำเข้าล่าสุด 3 หมื่นตัน ยังสามารถใช้ได้เพียงพอจนถึง 14 มี.ค.54 หรือคิดเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคที่บรรจุขวดได้อีก 13 ล้านลิตร
ในขณะที่คาดว่าหลังจากวันที่ 14 มี.ค.54 ไปแล้วผลผลิตปาล์มจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดได้ตามปกติ โดยคาดว่าจะมีผลผลิตปาล์มเข้าสู่ตลาดในเดือน มี.ค.นี้ อีกราว 1.5 แสนตัน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้โรงกลั่นเข้าไปรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัดในปริมาณ 4 หมื่นตัน โดยใช้ราคาตลาดโลกเป็นฐานการคำนวณและบวกเพิ่มอีก 2.50 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นส่วนที่รัฐบาลเข้าไปชดเชยให้
นายยรรยง ระบุว่า จากแนวทางทั้งหมดนี้จะเกิดผลเป็นรูปธรรมใน 3 แนวทาง คือ 1.สร้างความมั่นใจให้กับชาวสวนปาล์มในประเทศว่าจะมีโรงงานมารับซื้อผลปาล์มดิบที่กก.ละ 6-7 บาทอย่างแน่นอน 2.ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะสามารถซื้อน้ำมันปาล์มบรรจุขวดได้ในราคาลิตรละ 47 บาท และ 3.ปริมาณน้ำมันปาล์มจะมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศและไม่เกิดปัญหาขาดแคลน
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 24 มี.ค.แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติขึ้นอีกก็จะนัดประชุมเร็วกว่านั้น
"ตอนนี้สต็อค 3 หมื่นตัน ยังพอใช้ไปอีก 9 วัน จากวันนี้ถึง 14 มี.ค. มีน้ำมันปาล์มเพียงพอใช้แน่ เราแค่ทำให้กลไกตลาดเดินได้ ทั้งโมเดิร์นเทรด เซเว่น-อีเลฟเว่น ยี่ปั๊ว ซาปั๊วและตลาดสดให้ช่วยกระจายสินค้าให้ทั่วถึง"นายยรรยง กล่าว
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงพลังงานได้แจ้งว่าจะยังใช้ดีเซลบี 2 เกรดเดียวไปจนถึงสิ้นเดือนมี.ค.เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มมาผลิตเป็นพลังงานทดแทน โดยจะทยอยเข้าไปรับซื้อไม่เกิน 16,500 ตัน เพื่อนำมาผลิตดีเซลบี 2