(เพิ่มเติม) ม.หอการค้าฯ มองแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายอาจพุ่งถึง 3.25%เหตุเฟ้อเร่งตัวมาก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 10, 2011 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปีนี้มีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปถึง 3.25% จากล่าสุดอยู่ที่ 2.50% เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวก เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4% สาเหตุมาจากที่ต้นทุนการผลิตสินค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ซึ่ง ธปท.ต้องใช้มาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ

ศูนย์พยากรณ์ฯ ยังคงคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 4-5% หรือมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5% ในขณะที่ยังคงกรอบเงินเฟ้อทั่วไปไปไว้ที่ 3.5-4% โดยมีโอกาสมากที่เงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 4% ซึ่งเป็นเงินเฟ้อในเชิงขาขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นการปรับราคาของผู้ผลิตสินค้าจะเริ่มมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาอนุมัติปรับราคาสินค้าให้เป็นไปตามกลไกราคาที่แท้จริง

ขณะเดียวกัน ธปท.คงจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้อยู่ที่ระดับ 3-3.25% ณ สิ้นปี เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ และทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริเงป็นบวก

ส่วนนโยบายการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาทนั้น นายธนวรรธน์ มองว่า ยังมีความเหมาะสมที่รัฐบาลจะใช้นโยบายนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย. เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาราคาน้ำมันเป็นตัวช็อคเศรษฐกิจของประเทศ เพราะหากรัฐบาลไม่นำเงิน 2 หมื่นล้านบาทไปช่วยชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้ระบบเศรษฐกิจช็อคและต้องสูญเสียเม็ดเงินจากภาวะดังกล่าวสูงถึง 4-5 หมื่นล้านบาทก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี จากที่หลายประเทศทั่วโลกยอมรับแล้วว่าปัญหาราคาน้ำมันแพงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม เพราะหากราคาน้ำมันดิบขึ้นไปแตะที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกซึม และกระทบต่อภาวะการส่งออกและการท่องเที่ยวของทุกประเทศ ซึ่งในเร็วๆ นี้กลุ่มประเทศผุ้ผลิตน้ำมันได้เตรียมจะเพิ่มปริมาณน้ำมันเข้าสู่ระบบอีกวันละ 1 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ยังเชื่อว่า ปัญหาราคาน้ำมันจะเริ่มมีสัญญาณปรับตัวลดลงได้ในระยะกลาง โดยคาดว่าทั้งปีนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 95-100 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า การที่รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทถึงสิ้นเม.ย.ถือว่ามีความเหมาะสม แต่หลังจากนั้น คือ เดือนพ.ค.-มิ.ย.รัฐบาลควรขยับเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ขึ้นไปเป็น 31-32 บาท/ลิตร รวมทั้งพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 1 บาท หลังจากนั้นจึงค่อยๆให้กองทุนฯ เข้ามาช่วยดูแลและตั้งแต่ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป รัฐบาลควรปล่อยให้รคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาดโลก

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น คาดว่าในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 3.25% ตั้งแต่ต้นปีมีการปรับมาแล้ว 2 ครั้ง ดังนั้นจึงมองว่าธปท.สามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมรอบหน้าได้ เพื่อไม่เป็นการเพิ่มแรงกดดันด้านต้นทุนของผู้ประกอบการ และมองว่าหากมีการเลือกตั้งในช่วงกลางปีนี้ก็เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงนั้นเชื่อว่าปัญหาราคาน้ำมันจะเริ่มคลี่คลายลงแล้วและภาวะเศรษฐกิจได้เริ่มฟื้นตัว ดังนั้นหากจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเวลานั้นก็ถือว่าเศรษฐกิจจะรับได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ