นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ เกษตรจังหวัดในพื้นที่ที่มีการเช่าที่ดินราชพัสดุ เร่งให้การส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงานแก่เกษตรกรที่เช่าที่ดินราชพัสดุ โดยในส่วนของจังหวัดสกลนคร ปี 2554 มีเกษตรกรที่ได้รับมอบสัญญาเช่าส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการปลูกข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และยูคาลิปตัส ในพื้นที่อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอพรรณนานิคม อำเภอกุดบาก และอำเภอวาริชภูมิ จำนวน 201 ราย เนื้อที่ 800 ไร่ "การนำที่ดินราชพัสดุให้เกษตรกรเช่าเพื่อปลูกพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน นอกจากเกษตรกรที่ยากจนได้มีที่ดินทำกินอย่างพอเพียง มีอาชีพที่มั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรในการผลิตพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลกระทบที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม การใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม" นายศุภชัย กล่าว
อนึ่ง คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบที่ราชพัสดุที่ส่วนราชการครอบครองไว้เกินความจำเป็น และหรือที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นำมาจัดให้เกษตรกรเช่าเนื้อที่ไม่เกิน 15 ไร่/ครอบครัว สัญญาเช่าครั้งละไม่เกิน 3 ปี ในอัตราค่าเช่าขั้นต่ำ 20 บาท/ไร่/ปี เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตอาหารและพลังงาน โดยมีเป้าหมายโครงการ 1 ล้านไร่ แบ่งเป็น ปี 2552 ดำเนินการในพื้นที่รวม 67 จังหวัด เนื้อที่ประมาณ 114,376 ไร่ ปี 2553 ดำเนินการในพื้นที่รวม 60 จังหวัด เนื้อที่ 70,855 ไร่
สำหรับในปี 2554 จะดำเนินการในพื้นที่รวม 52 จังหวัด เนื้อที่ 56,000 ไร่ โดยเป็นพื้นที่ภาคอีสาน 32,000 ไร่ ภาคกลาง 8,000 ไร่ ภาคใต้ 4,000 ไร่ ภาคเหนือ 2,000 ไร่ และที่อื่น ๆ อีก 10,000 ไร่ วัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาความต้องการที่ดินทำกินของประชาชนที่ยากจน และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และแก้ไขปัญหาวิกฤตพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน โดยสนับสนุนการนำที่ราชพัสดุใช้ด้านการเกษตรกรรมปลูกพืชอาหารและพืชทดแทนพลังงาน เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สบู่ดำและอ้อย เป็นต้น