เจโทรเผย 3 ธุรกิจน่าลงทุนในญี่ปุ่นพร้อมแผนลดภาษี-ตลาด mai ช่วยระดมทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 14, 2011 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมูเนโนริ ยามาดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น(เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยถึง 3 ธุรกิจที่น่าลงทุนในประเทศญี่ปุ่นและมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงว่า ได้แก่ 1. Innovation Hub หรือ R&D Center ที่เชื่อมโยงเอเชียกับทั่วโลก และเอื้อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับเทคโนโลยีได้ 2. Business Platform ซึ่งญี่ปุ่นจึงเป็นฐานที่ดีสำหรับเอกชนไทยในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น จีน, อินเดีย, เกาหลีใต้ และซีกโลกตะวันตก 3. Trendsetter เพราะญี่ปุ่นมีตลาดที่กำหนดความนิยมในด้านแฟชั่น, มีเดียคอนเทนท์, การรักษาพยาบาล และเครื่องจักรอันทันสมัย

ดังนั้นเอกชนไทยจึงสามารถทดสอบการตอบรับต่อสินค้าและบริการก่อนเข้าสู่ตลาดในเอเชียและตลาดโลกได้ในญี่ปุ่น ซึ่งการที่เปิดสาขาในญี่ปุ่น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้มีโอกาสที่ดีในการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักธุรกิจต่างชาติ ผู้นำเทรนด์แฟชั่น & ไลฟ์สไตล์ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จึงมีโอกาสสูงสำหรับการเพิ่มยอดขาย ส่งออก และขายแฟรนไชส์ต่อยอดธุรกิจ

นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจก็ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย รัฐบาลญี่ปุ่น และเจโทรพร้อมด้วยหน่วยงาน Invest Japan Business Support Center(IBSC) เช่น การให้พื้นที่สำนักงานชั่วคราวในประเทศญี่ปุ่นฟรี, แนะนำบริการสรรหาบุคลากร, แนะนำเรื่องการขอใบอนุญาตทำงาน และเรื่องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท

นายยามาดะ กล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ด้วยวิสัยทัศน์และประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นมีการเตรียมการมาอย่างดีเพื่อรับมือกับความเสี่ยงในกรณีต่างๆ จึงสามารถดำเนินแผนสำรองและฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่สำคัญได้อย่างทันการณ์เพื่อให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและสังคมดำเนินไปอย่างราบรื่น

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ CFA ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ mai กล่าวว่า สำหรับธุรกิจที่ประสบกับข้อจำกัดทางการเงินนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ร่วมมือกับ Tokyo Alternative Investment Market (Tokyo AIM) ในการอำนวยความสะดวกธุรกิจในการระดมทุนผ่านตลาดทุน

ซึ่งข้อได้เปรียบของการระดมทุนด้วยวิธีนี้ คือการที่บริษัทจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยบริษัทสามารถระดมทุนได้จากทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ฯ ของประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ เงื่อนไขสำหรับการจดทะเบียนและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่งพร้อมกัน (Dual-listing) ก็ได้รับการพัฒนาให้เรียบง่าย เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการขยายกิจการไปยังประเทศญี่ปุ่นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ