นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับผู้บริหารองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น(เจโทร) และหอการค้าญี่ปุ่นประจำประเทศไทย(เจซีซี) ว่า ได้รับคำยืนยันว่าญี่ปุ่นยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยที่มีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาทต่อไป เนื่องจากเป็นการลงทุนตามแผนระยะยาว แม้ประเทศญี่ปุ่นจะประสบภัยพิบัติสึนามิ
สำหรับผลกระทบของบริษัทญี่ปุ่นที่มาลงทุนในไทยนั้นยังอยู่ระหว่างการประเมิน เพราะยังไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับทางบริษัทแม่ในญี่ปุ่นได้ แต่ผลกระทบที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมไทยนั้นอาจมีต่ออุตสาหกรรมที่มีการผลิตต่อเนื่อง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ แต่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะสามารถบริหารจัดการได้ โดยการนำส่งชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศจีน ส่งมายังบริษัทสาขาในประเทศไทย อีกทั้งพื้นที่ประสบภัยพิบัติดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตร
โดยคาดว่า เหตุดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นราว 2% ของจีดีพี ซึ่งน้อยกว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่โกเบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นถึง 4%
ประธาน ส.อ.ท.ยังมั่นใจว่า สินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยจะไม่มีปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี หลังเกิดเหตุระเบิดในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามที่หลายฝ่ายวิตก เพราะเชื่อมั่นในมาตรการดูแลความปลอดภัยของญี่ปุ่นที่มีความเข้มงวด และมีหลักเกณฑ์ควบคุมที่ดี
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการไทยรายใดที่มีปัญหาสภาพคล่องจากการส่งออก-นำเข้าสินค้าไปญี่ปุ่น และเชื่อว่าจะสามารถปรับสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดส่งออกอื่นๆ ทดแทนญี่ปุ่นได้
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเร่งแก้ปัญหา 3 ระดับ คือ ช่วยเหลือประชาชน, เร่งแก้ปัญหาระบบสื่อสาร การคมนาคมต่างๆ ที่ถูกตัดขาดให้สามารถใช้การได้ เพื่อความสะดวกต่อการประเมินความเสียหาย และฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องขอรับความช่วยเหลือจากภาคเอกชนของไทยที่พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านอาหารและเครื่องอุปโภคต่างๆ
สำหรับการจัดงานสัมมนาเพื่อดึงการลงทุนจากญี่ปุ่น หรือ อินเวสท์ เจแปน ซิมโพเซี่ยม ที่จะจัดขึ้นที่โรงแรมดุสิตธานี ในวันที่ 21 มี.ค.นี้จะยังมีขึ้นต่อไปตามปกติ