นพ.มารุต มัสยวาณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 321.29 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยส่วนต่างราคาน้ำมันปาล์ม ขนาด 0.5 ลิตร และ 0.25 ลิตร ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนและมีราคาแพง
โดยแยกเป็น น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 1.5 หมื่นตัน หรือจำนวนราว 9.7 ล้านลิตร อัตราชดเชย 9.50 บาท/ลิตร (บนพื้นฐานราคาน้ำมันปาล์มดิบ 44.75 บาท/กก.) เป็นเงิน 92.15 ล้านบาท
น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบนำเข้าจากต่างประเทศ 3 หมื่นตัน หรือจำนวนราว 22.6 ล้านลิตร อัตราชดเชย 3.20 บาท/ลิตร (บนพื้นฐานราคานำเข้า 1,258 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน อัตราแลกเปลี่ยน 30.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นเงิน 72.32 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าอัตรดยจะอยู่ที่ 5 บาท/ลิตร ซึ่งคำนวณจากราคาน้ำมันปาล์มดิบ 1,310 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 4 หมื่นตัน หรือจำนวนราว 26 ล้านลิตร อัตราชดเชย 4.27 บาท/ลิตร (คำนวณจากราคาน้ำมันปาล์มดิบประเทศมาเลเซีย บวกด้วยส่วนต่างที่เกิดจากต้นทุนการผลิตในอัตรา กก.ละ 2.50 บาท ซึ่งปัจจุบันคำนวณได้ประมาณ กก.ละ 39 บาท) เป็นเงิน 111.02 ล้านบาท
ชดเชยต้นทุนการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มขนาด 0.5 ลิตร จำนวน 4.78 ล้านขวด อัตราชดเชย 1.875 บาท/ขวด เป็นเงินชดเชยรวม 8.96 ล้านบาท
ชดเชยต้นทุนการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มขนาด 0.25 ลิตร จำนวน 22.33 ล้านขวด อัตราชดเชย 1.65 บาท/ขวด เป็นเงินชดเชยรวม 36.84 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) คาดว่า จะใช้วงเงินชดเชยราว 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในที่ประชุมฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ได้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้น้ำมันปาล์มไม่ขาดแคลน และการชดเชยราคาก็ต่ำกว่าที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติไว้
อย่างไรก็ตาม จะดำเนินมาตรการนี้ต่อไปจนกว่าราคาน้ำมันปาล์มจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน รายงานว่าจะดำเนินการผลิตดีเซล บี 2 ต่อไป หากสถานการณ์ยังไม่ปกติจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการถึงวันที่ 31 มี.ค.นี้