ค่าเงินเยนดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสูงถึง 15 ล้านล้านเยน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
เงินเยนดีดตัวขึ้น 0.33% แตะที่ 81.620 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 81.890 เยนต่อดอลลาร์ และเงินฟรังค์พุ่งขึ้น 0.54% แตะที่ 0.9242 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 0.9292 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.63% แตะที่ 1.3995 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3907 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.62% แตะที่ 1.6178 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6079 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.43% แตะที่ 1.0099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0143 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.40% แตะที่ 0.7400 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7430 ดอลลาร์สหรัฐ
แม้เงินเยนดีดตัวขึ้น แต่ก็ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากบีโอเจประกาศอัดฉีดเงินเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านล้านเยน (1.824 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์นั้น จะสร้างปัญหาอย่างหนักให้กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆภายในประเทศ
การดำเนินการฉุกเฉินซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยเงินกู้ระยะสั้นให้แก่กันและกันนั้น นอกจากนี้ บีโอเจยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์ในตลาดการเงินและการดำเนินงานของสถาบันการเงินอย่างใกล้ชิด และบีโอเจมีความพร้อมที่จะตอบสนองและดำเนินการตามความจำเป็น
นักวิเคราะห์คาดว่า วิกฤตการณ์ในญี่ปุ่นจะทำให้ความต้องการเงินเยนสูงขึ้นเพราะเงินเยนเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม คริส วอล์คเกอร์ นักวิเคราะห์ของยูบีเอสกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า เงินเยนจะไม่พุ่งขึ้นเหนือกรอบ 80 เยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เพราะเชื่อว่าหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซงตลาดเงินทันที
ส่วนค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ยุโรปตกลงขยายกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรปและใช้มาตรการต่างๆเพื่อกอบกู้วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนม.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2553, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.