นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่นนั้น ธปท.อยู่ระหว่างติดตามสินเชื่อที่สถาบันการเงินไทยปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการที่มีการค้าขายกับประเทศญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดว่าจะได้รับผลกระทบจนเกิดปัญหาหนี้เสียหรือไม่
ทั้งนี้ ปัจจุบันสถาบันการเงินไทยมีการปล่อยสินเชื่อให้ต่างชาติรวม 250,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในญี่ปุ่นถือว่ามีไม่มาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวมของระบบสถาบันการเงินไทยทั้งสิ้น 1.6-1.7 ล้านล้านบาท ฉะนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าเหตุภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินแน่นอน
พร้อมระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยสามารถพิจารณาผ่อนผันเกณฑ์ในบางเรื่องเกี่ยวกับการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาขออนุญาตกับธปท. เนื่องจากหลักเกณฑ์ของธปท.ที่ใช้ควบคุมสถาบันการเงินมีความยืดหยุ่นค่อนข้างมาก
“เรามีหน้าที่ดูว่าความจำเป็นของสังคมมีอะไรบ้าง และความจำเป็นนั้นมากระทบกับเราหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่มากระทบกับเรา และเกณฑ์ของเราก็ค่อนข้างยืดหยุ่น ดังนั้นถ้าแบงก์จะผ่อนผันอะไรให้กับลูกค้า ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องมาขอกับเรา"นายเกริกกล่าว
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลดีหรือผลเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย เพราะสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามมาในญี่ปุ่นยังไม่นิ่ง เพราะฉะนั้น ต้องรอให้ทุกอย่างนิ่งเสียก่อน จึงจะประเมินได้ว่าไทยได้รับผลกระทบด้านใดบ้าง โดยเฉพาะการส่งออกของไทยไปยังญี่ปุ่นนั้นจะได้รับผลกระทบหรือไม่ แต่ส่วนตัวเห็นว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาประเมินว่าไทยจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากเรื่องนี้