นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจธุรกิจไทยหลังเปิดเสรีการค้าอาเซียน-จีน 1 ปีตั้งแต่ ม.ค.53-ม.ค.54 พบว่า สิงคโปร์และไทยเป็น 2 ประเทศที่เสียส่วนแบ่งตลาดในประเทศอาเซียนอื่น โดยสิงคโปร์เสียส่วนแบ่งตลาด 112% และไทยเสีย 41.8% แบ่งเป็นเสียตลาดสินค้าอุตสาหกรรม 36.27% และสินค้าเกษตร 5.56% ขณะที่อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, พม่า, ลาว, กัมพูชา และบรูไน มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มทั้งหมด
อย่างไรก็ดี แม้การส่งออกสินค้าของไทยจะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นในอาเซียน แต่ก็มีส่วนแบ่งที่ลดลงเป็นส่วนใหญ่ ทั้งข้าว, ยางพารา ผักและผลไม้, ปลาสดและแช่แข็ง, เนื้อสัตว์, น้ำตาล, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น มีเพียงยานยนต์, ผลิตภัณฑ์ยาง, ผลิตภัณฑ์เหล็ก, เครื่องดื่มและยาสูบที่มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น และทำให้ปี 53 ไทยขาดดุลการค้ากับจีน 2,995 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นายอัทธ์ กล่าวว่า ไทยจะต้องเผชิญปัญหาอย่างหนักใน 3 ปีข้างหน้า หลังเปิดเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และการเปิดเสรีอาเซียน-จีนเต็มรูปแบบ ซึ่งจีนได้เข้ามาลงทุนในอาเซียนด้านขนส่งทางรถไฟเชื่อมเส้นทางขนส่งในอาเซียนทุกประเทศ และตั้งศูนย์กระจายสินค้าในลาว, พม่า และไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งสินค้ามาทำตลาดในอาเซียนแล้ว
"ไทยยังไม่มียุทธศาสตร์และการผลักดันให้เกิดการรับรู้ใช้ประโยชน์จากการเปิดการเสรี หรือแผนผลักดันการส่งออกไปจีน จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งดำเนินการ ไม่เช่นนั้นไทยจะเสียเปรียบและมีโอกาสเสียส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต" นายอัทธ์กล่าว
หลังเปิดเสรีอาเซียน-จีน 1 ปี ประเทศที่ได้รับประโยชน์และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 65.87% รองลงมาเป็นมาเลเซีย 43.81% เวียดนาม 28.59% ฟิลิปปินส์ 6.13% พม่า 6.07% กัมพูชา 1.73% ลาว 1.54% และบรูไน 0.86%
ส่วนประเทศที่เสียส่วนแบ่งตลาดมีเพียงสิงคโปร์ และไทย โดยสินค้าที่ไทยเสียส่วนแบ่งตลาดมากสุด คือ น้ำตาลลดลง 42.97% เสียตลาดให้มาเลเซีย และเวียดนาม รองลงมาคือ ข้าวลดลง 9.28% เสียตลาดให้เวียดนาม ส่วนสินค้าไทยที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ มันสำปะหลังเพิ่ม 14.85% ยานยนต์ 11.5% เหล็ก 5.48%