สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 10 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากการดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกและวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้กดดันให้นักลงทุนเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดไว้ ขณะที่สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมปิดร่วงลงเช่นกัน หลังจากมีรายงานว่าบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งได้ระงับการผลิตในญี่ปุ่นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดร่วงลง 32.10 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 1,392.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,380.70-1,429.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ดิ่งลง 172.30 เซนต์ ปิดที่ 34.117 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 4.85 เซนต์ ปิดที่ 4.1250 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 46.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,705.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ดิ่งลง 43.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 704.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และระดับการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีที่สูงขึ้น โดยวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่นส่งผลให้เกิดการเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGBest กล่าวว่า "ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการณ์ในญี่ปุ่น และจากรายงานที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำลังเทขายทองคำเพื่อระดมทุนมาใช้ในการอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบเป็นวงเงินสูงถึง 20 ล้านล้านเยน เพื่อบรรเทาความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน"
"เทรดเดอร์ยังคงจับตาผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นและความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินอย่างใกล้ชิด" ดาลีกล่าว
ส่วนสัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมยังร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ส่งผลให้บริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องปิดโรงงาน โดยพลาตินัมและพัลลาเดียมเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิต catalytic converter ในรถยนต์ สำนักข่าวซินหัวรายงาน