ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินเยนพุ่งหลังนลท.แห่ซื้อเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง

ข่าวต่างประเทศ Wednesday March 16, 2011 07:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสกุลเงินเยนเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเงินเยนมีต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำกว่าและมีความปลอดภัยมากกว่า ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันเดินหน้าโครงการ QE2 ไปจนถึงกลางปีนี้

ค่าเงินเยนพุ่งขึ้น 1.10% แตะที่ 80.710 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.610 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินฟรังค์พุ่งขึ้น 0.87% แตะที่ 0.9159 ฟรังค์ จากระดับ 0.9239 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.06% แตะที่ 1.3999 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3990 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.55% แตะที่ 1.6081 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6170 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.74% แตะที่ 0.9913 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0089 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.91% แตะที่ 0.7318 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7385 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินเยนเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นและสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ และหันมาถือครองสกุลเงินเยนที่มีต้นทุนการกู้ยืมที่ต่ำกว่าและมีความปลอดภัยมากกว่า นอกจากนี้ นักลงทุนจำนวนมากยังได้ปิดสถานะการลงทุนเสี่ยงที่ซื้อมาด้วยการกู้ยืมเงินสกุลเยน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสกุลเงินเยนเนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทประกันและบริษัทต่างๆของญี่ปุ่นจะส่งเงินกลับญี่ปุ่นเพื่อจ่ายชดเชยความเสียหายและเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างหนัก

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของเศรษฐกิจญี่ปุ่นทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีก 8 ล้านล้านเยนเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ยังฉุดดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดร่วงลงกว่า 10% เมื่อวานนี้ ขณะที่มีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดหุ้นโตเกียวด้วยการเข้ามาช้อนซื้อหุ้นในตลาด

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ต่อไปจนสิ้นสุดโครงการในเดือนมิ.ย.ปี 2554 ตามแผนการที่วางไว้ พร้อมกับประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายดอลลาร์หลังจากที่เฟดไม่ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด 1.4% และ ราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.พ. หลังเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนม.ค. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. หลังเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนม.ค.

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2553, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ