ค่าเงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ซื้อเงินเยน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ว่าจะแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของเงินเยนหรือไม่
เงินเยนพุ่งขึ้น 4.21% แตะที่ 77.300 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 80.700 เยนต่อดอลลาร์ และค่าเงินฟรังค์พุ่งขึ้น 2.22% แตะที่ 0.8960 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 0.9163 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.34% แตะที่ 1.3949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3996 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์ร่วงลง 0.37% แตะที่ 1.6014 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6073 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.33% แตะที่ 0.9767 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.9899 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.70% แตะที่ 0.7184 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7308 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินเยนเนื่องจากเป็นสกุลเงินที่มีต้นทุนการกู้ยืมต่ำและมีความปลอดภัย ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่าบริษัทประกันและบริษัทต่างๆของญี่ปุ่นจะส่งเงินกลับญี่ปุ่นเพื่อจ่ายชดเชยความเสียหายและเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างหนัก
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือบริษัทประกันภัยของญี่ปุ่น ลงสู่ระดับ "เป็นลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่าแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิอาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการชดเชยผู้ทำประกันของบริษัทประกันภัยญี่ปุ่นสูงกว่าระดับเมื่อครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองโกเบในปี 2538 (Great Hanshin Earthquake)
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า บีโอเจอาจจะแทรกแซงตลาดหากเงินเยนพุ่งขึ้นรุนแรงและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกของประเทศ โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักนั้น กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและการรั่วไหลของสารกัมมันตสังสี
บีโอเจได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 5.5 ล้านล้านเยนเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องระบบการธนาคารของประเทศจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และเพื่อช่วยให้การปล่อยเงินกู้ของสถาบันการเงินไปอย่างราบรื่นในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ค่าเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของโปรตุเกสลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A3
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ.ร่วงลง 22.5% แตะระดับ 479,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในรอบ 27 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 570,000 ยูนิต/ปี
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.พ.