ทำให้คาดว่าญี่ปุ่นน่าจะมีการนำเข้าข้าวมากขึ้น รวมถึงซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นด้วยจากปกติญี่ปุ่นสั่งซื้อข้าวจากไทยปีละประมาณ 3 แสนตัน แต่จากเหตุการณ์นี้คาดว่าน่าจะสั่งซื้อข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนตัน รวมเป็น 6 แสนตัน โดยคาดว่าคำสั่งซื้อน่าจะเริ่มทยอยเข้ามาในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นซื้อข้าวจากไทยเพื่อนำไปใช้แปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ขนม, มิโสะ, Rice Craker, เบียร์ ฯลฯ
นายชูเกียรติ ยอมรับว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของการส่งออกข้าวไทย เพราะมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะคำสั่งซื้ออินโดนีเซียเข้ามาซื้อข้าวจากไทยรวมๆแล้วเกือบ 1 ล้านตันส่งมอบในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา 4 แสนตัน และอีกประมาณ 6 แสนตันในเดือนมี.ค.ทำให้ตั้งแต่ม.ค. ถึง 17 มี.ค.ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 2.4 ล้านตัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯยังไม่มีการปรับเป้าหมายการส่งออกข้าว เนื่องจากยังต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงที่เหลือของปี แต่เป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 9.0-9.5 ล้านตันน่าจะทำได้ และอาจจะทำได้ดีกว่านั้น
"ปีนี้เพิ่งจะผ่านมาแค่ 3 เดือนยังคาดการณ์อะไรไม่ได้ แต่เป้าที่เคยตั้งไว้ 9.0-9.5 ล้านตันน่าจะทำได้ ส่วนจะถึง 10 ล้านตันอย่างที่มีการคาดการณ์หรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่ก็คงไม่ยากเกินไป ต้องรอดูอีกหลายๆปัจจัย"
นายชูเกียรติ คาดการณ์ราคาข้าวหลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีกประมาณ 5-10% จากปัจจุบันข้าวขาว 5% ของไทยราคาอยู่ที่ 480 ดอลลาร์สรอ./ตัน ขณะที่ข้าวขาวของเวียดนาม ราคาอยู่ที่ 430 ดอลลาร์สรอ./ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิของไทยปัจจุบันราคาอยู่ที่ 900 ดอลลาร์สรอ./ตัน