นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 108.2 จากระดับ 112.7 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งแรกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามค่าดัชนีที่ยังคงสูงค่าอยู่ในระดับสูงกว่า 100 แสดงว่า ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมมีความเชื่อมั่นในระดับที่ดี
ส่วนค่าดัชนีที่ปรับลดลงนั้น เกิดจากองค์ประกอบของดัชนีด้านยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
ด้านปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในเดือนกุมภาพันธ์ ได้แก่ ความกังวลต่อต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ค่าจ้างแรงงาน ปัญหาภัยแล้งซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ที่เป็นวัตถุดิบของอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ขณะที่ปัญหาการประท้วงรัฐบาลของประเทศในแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ก็ยังคงส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 118.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 116.3 ในเดือนมกราคม เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่า ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับด้านสภาวะแวดล้อมในการดำเนินกิจการ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า ผู้ประกอบการมีความกังวลในประเด็นผลกระทบจาก สถานการณ์ราคาน้ำมันมากที่สุด รองลงมา คือ สถานการณ์ทางการเมือง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อัตราแลกเปลี่ยน และสภาวะเศรษฐกิจโลก ตามลำดับ โดยมีความกังวลเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือนนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ภาครัฐควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน พร้อมการลดขั้นตอนและข้อจำกัดของกฎหมาย อาทิเช่น ลดขั้นตอนในเอกสารส่งออก และเพิ่มจุดบริการในเขตต่างจังหวัด เป็นต้น นอกจากนี้ยังเสนอแนะให้ภาครัฐมีการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ด้านต้นทุนวัตถุดิบอีกด้วย
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้ทำการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (Thai Industries Sentiment Index: TISI) เดือนกุมภาพันธ์ 2554 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,023 ตัวอย่าง ครอบคลุม 39 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมฯ