ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าของจีนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิถาโถมเข้ากระหน่ำญี่ปุ่นและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่พื้นที่ที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวล้วนเป็นฐานการผลิตท่อเหล็กกล้า แผ่นโลหะ และเป็นฐานการส่งออกเหล็กกล้าที่สำคัญของญี่ปุ่น
บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งได้ระงับการผลิต ขณะที่โรงถลุงเหล็กสำคัญ 5 แห่งตามแนวชายฝั่งอ่าวโตเกียว อาทิ นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น เจอีเอฟ และซูมิโตโม เมทัล ได้ปิดโรงงานลง และคาดว่า บริษัทเหล็กเหล่านี้จะปิดโรงงานเป็นเวลานาน 5 - 6 เดือนอันเนื่องมาจากเหตุแผ่นดินไหว
นอกจากนี้ คาดกันว่า เหตุแผ่นดินไหวอาจทำให้กำลังการผลิตเหล็กกล้าในญี่ปุ่นลดลง 26 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเหล็กกล้าของญี่ปุ่น และลูกค้าจะหันไปนำเข้าเหล็กกล้าจากประเทศอื่นๆ เช่นจีน และเกาหลีใต้แทน
ทั้งนี้ ยอดส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า ซึ่งประกอบด้วยแผ่นเหล็กรีดร้อนและแผ่นโลหะจากจีนนั้นคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น นายหู หยานผิง นักวิเคราะห์ภาคอุตสาหกรรมโลหะของยูเมทัลดอทคอม กล่าว
การฟื้นฟูประเทศหลังเกิดแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นอาจทำให้อุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของจีนพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอุปสงค์เหล็กกล้าที่ใช้สำหรับการก่อสร้าง นายหู เซียงฉวน ประธานเจ้าหน้าที่ข้อมูลของมายสตีลดอทคอม ระบุ
ด้านหวัง จ้าวหัว นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โกจิน ซีเคียวริตี้ชี้ว่า ผลผลิตเหล็กกล้าและยานยนต์ที่ลดลงของญี่ปุ่นอันสืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวจะทำให้เกาหลีใต้และจีนขึ้นแท่นเป็นผู้จัดหาเหล็กกล้าป้อนตลาดแทน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาผู้ส่งออกเหล็กกล้ารายใหญ่ของจีน เช่น บริษัทเป๋าชาน ไอรอน แอนด์ สตีลจำกัด บริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของจีน และวู่ฮั่น ไอรอน แอนด์ สตีล จำกัด จะได้เห็นว่า ความต้องการในตลาดนั้นเพิ่มมากขึ้น เฉง ตง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์กัวซิน กล่าว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีอุตสาหกรรมเหล็กกล้าใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกด้วยกำลังการผลิตเหล็กกล้าล็อตใหม่ที่ 109 ล้านตันในปี 2553 ขณะที่ยอดส่งออกผลผลิตเหล็กกล้าของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 43.4 ล้านตันในปี 2553
สำหรับผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ 5 แห่งของจีนที่มีฐานการผลิตใกล้กับอ่าวโตเกียว อ่าวโอซาก้า และอ่าวฮากาตะ มีกำลังการผลิตเหล็กกล้าทั้งสิ้น 80% ของกำลังการผลิตเหล็กกล้าทั้งหมดในประเทศ