ธ.ไทยเครดิตฯรับฟื้นดีลเจรจาซื้อหุ้น SICCO อีกรอบ,เล็งเข้าตลาดหุ้นปี 55

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 17, 2011 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล ลีลาธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยยอมรับว่า ธนาคารยังสนใจซื้อหุ้น บง.สินอุตสาหกรรม(SICCO)จากธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)หลังจากได้มีการยกเลิกการเจรจาครั้งแรก เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการตามข้อกตกลงได้ ขณะที่ SCB ก็ได้มีการประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่าพร้อมที่จะเปิดให้มีการซื้อขายกันใหม่

ก่อนหน้านี้ทั้งธนาคารและ SCB มีการตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่ายทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ดังนั้น แม้จะเริ่มการเจรจาซื้อขายหุ้น SICCO กันใหม่ แต่เงื่อนไขส่วนใหญ่มีการตกลงกันไว้อยู่แล้ว ดังนั้น การเจรจาใหม่ก็ยังจะอิงจากข้อตกลงเดิม ซึ่งไม่น่ามีปัญหา แต่การเจรจามีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย จึงต้องมีการประสานงานที่ต้องใช้เวลาพอสมควร

"ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ยังอยู่ระหว่างคุยกันอยู่ ตอนนี้ไม่ได้คุยกันเรื่องราคา แต่คุยกันในเรื่องขั้นตอน ปัจจัยต่างๆ ที่เป็นหลักสำคัญที่เป็นปัญหาอุปสรรค...เราไม่ได้กำหนดกรอบว่าจะเริ่มทำดีลใหม่เมื่อไร แต่ทางไทยพาณิชย์มีจังหวะเวลาอยู่ เพราะอยู่ในแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 ที่ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นลง"นายมงคล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่จำเป็นต้องยื่นขออนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการเข้าลงทุนใน SICCO อีก โดยยังสามารถดำเนินโครงการได้ตามแผนเดิมที่เคยเสนอและได้รับอนุมัติ เช่นเดียวกับ SCB ที่ไม่ต้องยื่นขออนุมัติเนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้น แต่ SICCO อาจจะต้องมีการเสนอแผนงานต่อ ธปท.อีกครั้ง

นายมงคล กล่าวว่า โดยหลักการการดำเนินธุรกิจของธนาคารจะเน้นการเติบโตด้วยตนเอง ไม่ได้เน้นการเติบโตด้วยการซื้อกิจการ แต่หากเห็นโอกาสทางธุรกิจและเข้าถึงกลยุทธ ธนาคารก็พร้อมจะดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารสามารถสร้างความมั่นคงให้ระบบสถาบันการเงิน เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และมุ่งการดำเนินธุรกิจธนาคารเป็นหลัก

สำหรับแผนการกระจายหุ้นเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะดำเนินการภายในปี 55 แม้ขณะนี้ธนาคารจะมีความพร้อมแล้ว ทั้งกฎระเบียบ ระบบบัญชี และกฎเกณฑ์การเป็นกรรมการ มีการดำเนินการใกล้เคียงกับที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)วางไว้ แต่มองว่าภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังไม่เอื้ออำนวย โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์ในทิศทางเดียวกันว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้คงยังไม่ดีมากนัก ดังนั้น ธนาคารจึงใช้เวลาช่วงนี้พิจารณาปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์กับธนาคาร ผู้ลงทุน และผู้ถือหุ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย กล่าวว่า ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้การแข่งขันทางธุรกิจและภาระต้นทุนทางการเงินของธนาคารสูงขึ้นเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่บ้าง แต่เนื่องจากธนาคารเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นลูกค้ารายย่อย และสร้างความแตกต่างจากธนาคารขนาดใหญ่ จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งธนาคารจะพยายามรักษาอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก(Spread)ที่ 4% เพื่อสร้างรายได้ที่ดีและมีเสถียรภาพ

ทั้งนี้ หลักการบริหารรายได้ ซึ่งมีความอ่อนไหวจากดอกเบี้ย ทำให้ธนาคารวางโครงสร้างสินเชื่อที่มีสัดส่วนการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว 65% และดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ 35% ส่วนโครงสร้างเงินฝาก จะเป็นเงินฝากประจำ 65% และเงินฝากออมทรัพย์ผันแปรตามดอกเบี้ย 35% ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยค่อนข้างมีเสถียรภาพ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่เปลี่ยนแปลงจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 53 ที่ผ่านมา ธนาคารสามารถทำกำไรสุทธิได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 50 ล้านบาท และสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า โดยธนาคารจะมีการแถลงผลการดำเนินงานและกลยุทธการดำเนินงานในปี 54 ในวันที่ 29 มี.ค.54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ