สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) โดยราคาทองคำดีดตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ได้อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันก่อน อันเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ทองเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 8.1 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,404.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,386.80-1,405.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 21.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 34.258 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงพุ่งขึ้น 14.65 เซนต์ ปิดที่ 4.344 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,706.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 11.75 ดอลลาร์ ปิดที่ 716.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ราคาได้ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อวันก่อน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ความวิตกเรื่องวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้ฉุดสัญญาทองคำดิ่งลงไปแตะระดับ 1,380.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ก.พ.เป็นต้นมา
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยมีรายงานว่าสหรัฐพยายามกกดดันให้สหประชาชาติอนุมัตการโจมตีทางอากาศในลิเบีย
ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGBest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "นักลงทุนเลือกที่จะเข้าซื้อทองคำเพื่อปกป้องความเสี่ยงจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าสหประชาชาติจะเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองในลิเบีย"