ค่าเงินเยนร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายก่อนที่จะถึงวันประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G-7 โดยนักลงทุนกังวลว่าที่ประชุมจะมีมติให้แทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
ค่าเงินเยนร่วงลง 0.97% แตะที่ 78.890 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 78.130 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินฟรังค์พุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 0.8983 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 0.9022 ฟรังค์ต่อดอลลาร์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.87% แตะที่ 1.4022 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3901 ดอลลาร์สหรัฐ และเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.64% แตะที่ 1.6136 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6034 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.36% แตะที่ 0.9801 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9766 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.39% แตะที่ 0.7176 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7204 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเทขายเงินเยนก่อนการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่ม G-7 โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะอนุมัตให้มีการแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน
ส่วนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเมื่อช่วงเช้าวานนี้ เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 76.25 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดที่ 79.75 เยนต่อดอลลาร์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2538 ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องออกแถลงการณ์คลี่คลายความวิตกกังวลในตลาดว่า เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของตลาด และยังกล่าวด้วยว่า การเก็งกำไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เงินเยนพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่ามีข่าวลือในตลาดว่า บริษัทประกันญี่ปุ่นกำลังย้ายฐานเงินทุนจากต่างประเทศมายังญี่ปุ่น เพื่อนำเงินดังกล่าวมาเป็นค่าชดเชยให้กับลูกค้าที่ทำประกัน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงและคลื่นสึนามิในญี่ปุ่น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลหลักๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2%
นักลงทุนมองว่าดัชนี CPI ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายโดยเฉลี่ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ 2.0% ซึ่งหมายความว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำจะทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ต่อไปจนถึงปีนี้