นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้มุ่งเน้นการบูรณาการด้านการควบคุมและตรวจสอบผู้กระทำผิด โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการป้องกันและปราบปรามมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลปราบปรามทั้งประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
1.จัดซื้อเรือเร็วตรวจการณ์ทางทะเลและเรดาห์ตรวจจับพิกัด เนื่องจากการกระทำความผิดในคดีน้ำมัน สุราและยาสูบ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งทางบกและทางน้ำ กรมสรรพสามิตจึงเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดด้วยการจัดซื้อเรือตรวจการณ์ "ราชวัตร 1" และ "ราชวัตร 2" ขนาด 500 แรงม้าที่เปิดตัวในวันนี้
รวมถึงได้ขยายภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการที่ใช้ติดตามตำแหน่งเรือผ่านดาวเทียม(GPS1) ให้สามารถติดตามรถขนส่งน้ำมันทางบก(GPS2) โดยติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายพร้อมอุปกรณ์เพื่อรองรับระบบทั่วประเทศ
2.ติดตั้งระบบการควบคุมและติดตามการขนส่ง(GPS) โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียม ณ กรมสรรพสามิต ซึ่งกำหนดให้เรือบรรทุกน้ำมันและเรือสถานีบริการน้ำมันติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเรือผ่านดาวเทียม (Global Positioning System: GPS)
3.ติดตั้งระบบแผนที่ภาษี(Tax Map) และแผนที่ผู้กระทำผิด เพื่อตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลสถานประกอบการที่เปิดใหม่ และปิดกิจการโดยไม่ได้แจ้งต่อกรมสรรพสามิต
ส่วนผลการปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายสรรพสามิตใน 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 54 (ต.ค.53 - ก.พ.54) พบว่า สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 16,406 ราย และคิดเป็นค่าปรับ 284 ล้านบาท โดยน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของกลางสามารถจับกุมได้ 3,959,207 ลิตร สุราในประเทศ 91,476 ลิตร สุราต่างประเทศ 6,471 ลิต ร ยาสูบในประเทศ 27,976 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 117,136 ซอง
นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตกวดขันสินค้าหลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงดำเนินมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต และจูงใจผู้ที่อยู่นอกระบบให้เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพเรือ เพื่อร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าอาจมีการกระทำผิด เช่น บริเวณแนวตะเข็บชายแดน แหล่งชุมชน และสถานบริการ เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และเพื่อเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคให้บริโภคสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากการบริโภคสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีจะเป็นอันตรายและส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าสินค้าโดยทั่วไป
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากการติดตามของเจ้าหน้าที่พบว่าการกระทำผิดในคดีน้ำมันเป็นการลักลอบนำน้ำมันจากต่างประเทศผ่านเข้ามาทางทะเล และแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะของกองทัพมด รวมถึงการลักลอบนำน้ำมันออกจากรถขนส่งน้ำมันเพื่อส่งไปจำหน่ายต่อยังผู้ค้ารายย่อยในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ซึ่งหากประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ตัดสินใจซื้อน้ำมันที่หลีกเลี่ยงภาษีมาใช้เพราะเห็นว่าราคาถูกก็จะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ได้ เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ด้อยคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน
นอกจากนั้น การลักลอบกระทำผิดเกี่ยวกับสุราและยาสูบ ได้มีการนำเข้าสุราและยาสูบต่างประเทศตามแนวชายแดน เช่น จ.สระแก้ว จ.สงขลา และ จ.สตูล เป็นต้น ส่วนการลักลอบกระทำผิดเกี่ยวกับสุราชุมชนจะพบในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น เขตบางบอน และในต่างจังหวัดจะพบมากในเขตภาคเหนือ เช่น แพร่, พะเยา และลำปาง เป็นต้น