สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสมาชิก 17 ประเทศในเขตยูโรโซนเพิ่มขึ้นเป็น 1.48 หมื่นล้านยูโร (2.05 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนมกราคม เทียบกับระดับ 0.5 พันล้านยูโร (0.69 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนธันวาคม 2553
เมื่อเทียบเป็นรายปี ยูโรสแตทประเมินว่า การส่งออกของเขตยูโรโซนเพิ่มขึ้น 27% ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 29% ในเดือนมกราคม
ส่วนยอดขาดดุลการค้าของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านยูโร (4.14 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนมกราคม เมื่อเทียบกับยอดขาดดุล 1.09 หมื่นล้านยูโร (1.51 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนธันวาคม 2553
ทั้งนี้ ยอดขาดดุลด้านพลังงานของอียูเพิ่มขึ้นจาก 2.402 แสนล้านยูโร (3.338 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 2552 เป็น 2.971 แสนล้านยูโร (4.129 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 2553 ขณะที่ยอดเกินดุลสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 1.779 แสนล้านยูโร (2.472 แสนล้านดอลลาร์) จาก 1.63 แสนล้านยูโร (2.265 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 2552
ในระหว่างปี 2553 การค้าระหว่างอียูกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ทุกรายได้ขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 โดยการส่งออกไปยังบราซิล ตุรกี และจีนเพิ่มขึ้นสูงสุด ส่วนการนำเข้าจากรัสเซีย จีน และอินเดียเพิ่มขึ้นสูงสุด
ยูโรแสตทระบุว่า ยอดส่งออกของอียูไปยังจีนเพิ่มขึ้น 37% ในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 32% ในปี 2553 สำนักข่าวซินหัวรายงาน