ตลท.-แบงก์หนุนโอกาสเปิดช่องธุรกิจไทยไปลงทุนในญี่ปุ่นหลังราคาสินทรัพย์วูบ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 21, 2011 15:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ กล่าวในการเสวนา"การสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมการลงทุนในญี่ปุ่น"ว่า ตลาดทุนสามารถช่วยนักธุรกิจเติบโตในต่างประเทศได้ และมองว่าญี่ปุ่นเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะขยายกิจการ โดยเฉพาะในกลุ่ม กรีนเทคโนโลยี โรงแรม ท่องเที่ยว และ เฮลธ์แคร์

ปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มีสัดส่วน 20-30% หรือประมาณ 20 กว่าบริษัท

นายทวี พวงเกษแก้ว รองประธานอาวุโสและผู้จัดการ(ฝ่ายญี่ปุ่น) ธนาคารกรุงเทพ (BBL) กล่าวว่า ตลาดญี่ปุ่นช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าลงทุนมาก เพราะราคาสินทรัพย์ปรับลดลงมาก ตลอด 18 ปีราคาสินทรัพย์ลดกว่าครึ่งหรือ 50% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่ดี ทั้งนี้ ไม่รวมราคาสินทรัพย์ที่มีโอกาสจะลดลงต่ออีก 3-5% หลังเกิดภัยพิบัติสึนามิ

ดังนั้น จึงอยากจะแนะนำคนไทยมองโอกาสที่จะไปลงทุนญี่ปุ่น โดยแนะนำให้ไปในรูปแบบนิติบุคคลเพราะจะได้ประโยชน์จากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 35% ขณะที่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะคิดตามอัตราก้าวหน้าสูงสุด 55% กลุ่มที่แนะนำในช่วง 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งนับจากนี้ คือ กลุ่มโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และชอปปิ้งมอลล์ เน้นกลุ่มธุรกิจที่มีกระแสเงินสดสูง เพราะที่จะมีเงินหมุนเวียนเข้ามาสม่ำเสมอ หรือกลุ่มเทคโนโลยี เพราะใช้เงินลงทุนแค่ 30% อีก 70% สามารถใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน

"ช่วงนี้ถ้าไทยจะไปลงทุนญี่ปุ่นจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่ โอกาสนี้ในรอบ 50-60 ปีมีครั้งเดียวที่ราคาสินทรัพย์คิดตามมูลค่าบริษัทในแง่งบดุลตอนนี้ถูกมาก สินทรัพย์ก็ถูกบวกกับรัฐบาลลดภาษีโปรโมท เพราะฉะนั้น ต้นทุนลงทุนในญี่ปุ่นต่ำมากจึงเป็นโอกาสดีในรอบ 50 ปี"นายทวี กล่าว

ปัจจุบัน BBL มี 2 สาขาในญี่ปุ่นที่โตเกียวและโอซาก้า โดยที่โตเกียวเปิดมา 58 ปี โอซาก้า 48 ปี ได้ใบอนุญาตทำธุรกิจเต็มรูปแบบ

นายทวี กล่าวว่า ธุรกิจที่บริษัทคนไทยที่ไปลงทุนในญี่ปุ่นและมี BBL ให้การสนับสนุนด้านเงินทุน ได้แก่ ไปซื้อโรงแรมที่มีกระแสเงินสด, ร่วมทุนในธุรกิจรีไซเคิลเหล็ก และเปิดร้านอาหารไทยในญี่ปุ่น ธุรกิจเหล่านี้ธนาคารให้การสนับสนุนเต็มที่ เพราะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตในตลาดญี่ปุ่น

มร.ฮิเดอากิ ฟูจิยามา ซีอีโอ บริษัท JAIC Asia Holdings Pte Ltd กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 1990 บริษัทมีการลงทุนเฉพาะในประเทศไทย 25,000 ล้านเยน เริ่มตั้งแต่เป็นบริษัทจนได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 12 บริษัท ที่สามารถทำ IPO ได้ บริษัทที่ JAIC เคยเข้าไปลงทุน เช่น ACAP , PM , TAPAC และ LL ซึ่งการพิจารณาเข้าลงทุนมองผลตอบแทนที่ 10-20% ต่อปี มองธุรกิจรีเทล เกษตร อาหาร และเครื่องดื่ม กรีนเอเนอยี่ น่าสนใจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ