นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ไทยจะร่วมมือกับประเทศอินโดนีเซียในฐานะที่เป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ของโลกเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ยางพาราเพื่อให้ราคาเกิดเสถียรภาพ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เตรียมนำคณะเข้าพบประธานาธบดีของประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเจรจาเรื่องดังกล่าวในเร็วๆนี้
"เราจะไปคุยกับทางอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้รองนายกฯสุเทพ นายวีระชัย วีระเมธีกุล (รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยนั้น) และผมเคยไปคุยกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียมาครั้งนึงแล้ว เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะทำให้ราคายางมีเสถียรภาพ
นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งจากประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ว่าในการประชุมอาเซียนครั้งต่อไปจะบรรจุเรื่องยางพาราเอาไว้ในวาระการประชุมด้วย
สาเหตุที่การหารือเรื่องราคายางพาราเหลือเพียง 2 ประเทศ เป็นเพราะปัจจุบันมาเลเซียเปลี่ยนบทบาทไปเป็นผู้ซื้อแล้ว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติในวันนี้ ไม่ได้มีมาตรการใด ๆ ออกมาแก้ไขปัญหา เนื่องจากราคายางได้ดีตัวขึ้นมาแล้วหลังจากตกลงไปมากก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากความตื่นตระหนกต่อสถานการณ์การสู้รบในตะวันออกกลาง และเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติแผ่นดินไหวและสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้บริษัทที่ผลผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โดยเฉพาะยางรถยนต์ต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราว ทำให้ปริมาณการซื้อยางลดลง แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้ส่งผลไปถึงเกษตรกร แต่ส่งผลต่อผู้ส่งออกที่เก็บยางไว้ในสต็อกเพื่อเก็งกำไร
"มันเป็นความตื่นตระหนกของตลาดโลกทำให้ราคาช็อคลงมา แต่ตอนนี้ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วที่ราคากิโลกรัมละ 150 บาท"
สำหรับราคาที่มองว่าจะมีเสถียรภาพคือ ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท ตามที่รัฐบาลประกาศจะพยุงราคา โดยกำหนดมาตรการว่าหากราคายางลงไปถึง 100 บาทจะให้เกษตรกรช่วยกันเก็บสต็อกเอาไว้ประมาณ 3 แสนตัน และหยุดส่งออก เพื่อทำให้ราคาดีดกลับมา และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการราคายางก็ดีดกลับขึ้นมาเอง มาจากผู้ซื้อและนักธุรกิจของจีนจับมือกันที่จะไม่ซื้อ เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้นเกินไป เกรงว่าเมื่อถึงฤดูกรีดยางใหม่ราคาจะกระโดดขึ้นไปอีก จึงร่วมมือกันไม่ซื้อทำให้ราคาอ่อนตัวลงมา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการจับมือกันของผู้ซื้อไม่น่าทำให้เกิดอำนาจต่อรองกับประเทศผู้ผลิตได้ คิดว่าไทยกับอินโดนีเซียจับมือกันจะทำให้ราคามีเสถียรภาพกว่านี้
"สิ่งที่นักธุรกิจจีนเป็นห่วง คือ ราคาไม่นิ่ง มากกว่าราคาแพง หากราคาผันผวนตลอดเวลาก็อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนผลิต"
นายศุภชัย คาดการณ์ราคายางปีนี้ว่า มีโอกาสทะลุ 200 บ./กก.และสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมาหากสถานการณ์ในตะวันออกกลางและญี่ปุ่นคลี่คลายลง
ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มีมติให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยมีอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นประธาน ร่วมกับตัวแทนภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง แล้วศึกษาวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องยางพาราให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนเสนอให้คณะกรรมการ กนย.พิจารณาเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการแก้ไขดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง