นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังงานสัมนาเรื่อง “ท่าเรือน้ำลึกปากบารา เศรษฐกิจไทยได้หรือเสีย" ว่า กระทรวงคมนาคมยืนยันที่จะดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล วงเงินลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และจะไม่มีการปรับลดขนาดโครงการลง
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานตามมติครม.ที่ให้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ซึ่งต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-6 เดือน หลังจากนั้นจะ เสนอให้ครม.พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะเสนอไม่ทันรัฐบาลชุดนี้"ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าท่าเรือปากบาราจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ขณะเดียวกันยังช่วยให้การส่งออกยางพาราของไทยที่ส่งออกประมาณปีละ 3 แสนทีอียูอยู่ภายในประเทศ จากปัจจุบันที่ต้องขนส่งไปยังท่าเรือปีนัง และท่าเรือสิงคโปร์ และในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟไทย-จีน แล้วเสร็จจะมีสินค้าจากจีนตอนใต้อีกจำนวนมากที่จะผ่านประเทศไทย หากประเทศไทยไม่มีท่าเรือรองรับสินค้าเหล่านั้นจะผ่านประเทศไทยไปสู่มาเลเ ซีย และสิงคโปร์ โดยที่ประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ
ด้านนายสุวัฒน์ อัศวทองกุล นายกสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพ กล่าวว่า การก่อสร้างท่าเรือปากบารายังไม่มีความจำเป็นสำหรับประเทศไทย โดยเสนอให้ขยายท่าเรือสงขลาให้สามารถนำเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เข้าออกท่าได้จะทำให้สินค้าที่ใช้บริการท่าเรือปีนังมาใช้ที่ท่าเรือสงขลา
ส่วนกรณีที่ไทยจะเชื่อมท่าเรือปากบาราและท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 โดยใช้ทางรถไฟเชื่อม เพื่อสร้างเส้นทางลัดระหว่างมหาสุมทรดินเดียและแปซิฟิกนั้น เชื่อว่าบริษัทเดินเรือจะไม่นิยมมาขนถ่ายสินค้าตามเส้นทางดังกล่าว เพราะต้นทุนการขนส่งจะสูงกว่าการถ่ายสินค้าที่ท่าเรือสิงคโปร์ เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งท งรถไฟเพิ่ม