ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ (22 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศยูโรโซน ขณะที่ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่ม G-7 อาจจะแทรกแซงตลาดเพื่อเทขายเงินเยนอีก
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.20% แตะที่ 1.4198 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4226 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.41% แตะที่ 1.6377 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6310 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 80.900 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.030 เยน และค่าเงินฟรังค์สวิสร่วงลง 0.13% แตะที่ 0.9032 ฟรังค์ จากระดับ 0.9044 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.49% แตะที่ 1.0115 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0066 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.69% แตะที่ 0.7410 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.7359 ดอลลาร์สหรัฐ
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของหลายประเทศในยุโรปได้ฉุดสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง โดยมีรายงานว่าพรรคฝ่ายค้านของโปรตุเกสยกเลิกการสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่ครอบคลุมถึงการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลและปรับขึ้นภาษีเพื่อกระตุ้นรายได้ด้านการคลัง แต่มาตรการดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ
เงินเยนเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่ากลุ่ม G-7 จะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อเทขายเงินเยนอีก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศสมาชิก G-7 ด้เข้าแทรกแซงตลาดด้วยการเทขายเงินเยนเป็นวงเงินรวมกันถึง 5.30 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยพยุงอุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553