องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่า ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและเงินเฟ้อเพียงปานกลางในระยะสั้นเท่านั้น
OECD ได้เผยแพร่การคาดการณ์ดังกล่าวในบันทึกนโยบายที่มีชื่อว่า "ผลกระทบของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ" ภายหลังจากที่ได้มีการวิเคราะห์ความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
ข้อมูลสถิติของ OECD แสดงให้เห็นว่า ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ได้เพิ่มขึ้นราว 40% นับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา จากนั้นจนถึงช่วงกลางเดือนมีนาคม เหตุความไม่สงบทางการเมืองในแอฟริกาเหนือที่ลุกลามไปยังลิเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อพิจารณาจากเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกนั้น รายงานคาดการณ์ดังกล่าวซึ่งทำการประเมินด้วย OECD Global Model ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์ อาจทำให้กิจกรรมในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD ลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่หดตัวลง 0.2% และถ้าหากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 25 ดอลลาร์ กิจกรรมในประเทศสมาชิก OECD อาจจะลดลงประมาณ 0.5% ในปี 2555 และอัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้น 0.75% สำนักข่าวซินหัวรายงาน