ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มวัสดุ ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มปริมาณการนำเข้าวัสดุเพื่อใช้ในการบูรณะฟื้นฟูประเทศหลังจากเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ไม่สงบในตะวันออกกลาง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 67.39 จุด หรือ 0.56% แตะที่ 12,086.02 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.77 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 1,297.54 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 14.43 จุด หรือ 0.54% ปิดที่ 2,698.30 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาที่สถานีบริการน้ำมันเบนซินทั่วประเทศของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 78 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 105.75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 104.38-106.34 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 2.12 เซนต์ ปิดที่ 3.0550 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.68 เซนต์ ปิดที่ 3.0213 ดอลลาร์/แกลลอน
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 15 เซนต์ ปิดที่ 115.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังเดินหน้าเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลาง และจากภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 10.40 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,438 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,425.80-1,441.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 92.90 เซนต์ ปิดที่ 37.198 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 11.55 เซนต์ ปิดที่ 4.4285 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 20.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,760.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 11.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 749.30 ดอลลาร์/ออนซ์
-- ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากรัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้โปรตุเกสต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.70% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4102 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4201 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.79% แตะที่ 1.6237 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6366 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.11% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.870 เยน จากระดับ 80.960 เยน แต่ดีดตัวขึ้น 0.53% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9080 ฟรังค์ จากระดับ 0.9032 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.34% แตะที่ 1.0139 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0105 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ทรงตัวที่ 0.7408 ดอลลาร์สหรัฐ
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกปรับตัวสุงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 33.17 จุด หรือ 0.58% แตะที่ 5,795.88 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,731.40-5,802.44 จุด