ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้สินและการเมืองในโปรตุเกสได้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นหลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.63% แตะที่ 1.4171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4082 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.76% แตะที่ 1.6105 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6228 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.06% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.960 เยน จากระดับของวันพุธที่ 80.910 เยน และพุ่งขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9089 ฟรังค์ จากระดับ 0.9078 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.89% แตะที่ 1.0218 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0128 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.24% แตะที่ 0.749 3ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7401 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะสามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเมืองและปัญหาหนี้สินของโปรตุเกสได้
นายกรัฐมนตรีโฮเซ โสคราตีสของโปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจากรัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล รวมถึงการลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดนิวยอร์กช่วงเช้าวานนี้ และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของโปรตุเกสพุ่งขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์กังวลว่า การที่รัฐสภาโปรตุเกสปฏิเสธมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอาจจะส่งผลให้โปรตุเกสต้องข้อความช่วยเหลือด้านการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู)
มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์และอันดับความน่าเชื่อถือเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ 30 แห่งในสเปนลงอย่างน้อย 1 ขั้น โดยระบุว่าธนาคารพาณิชย์ในสเปนอาจจะต้องระดมทุนใหม่เป็นจำนวนเงินสูงถึง 5 หมื่นล้านยูโร (7.03 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับที่ธนาคารกลางสเปนได้ประมาณการไว้ก่อนหน้าว่า ธนาคาร 12 แห่งภายในประเทศจะต้องระดมทุนเพียง 1.52 หมื่นล้านยูโร
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค.ลดลง 5,000 ราย แตะระดับ 382,000 ราย ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 383,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 เดือนร่วงลง 1,500 ราย แตะระดับ 385,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี
ส่วนค่าเงินปอนด์ยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากที่นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศลงเหลือ 1.7% ในปี 2554 และ 2.5% ในปี 2555 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 2.1% ในปี 2554 และ 2.6% ในปี 2555
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 ครั้งที่ 3 ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.0%