ที่ประชุมสุดยอดผู้นำจาก 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม โดยมีเป้าหมายที่จะหนุนมูลค่าของสกุลเงินยูโรและรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน
"เรามีมติเห็นชอบให้ใช้มาตรการ 'Euro Plus Pact ' และเราสามารถบรรลุข้อตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)" นายเฮอร์มาน แวน รอมปุย ประธานสภายุโรปกล่าวกับผู้สื่อข่าวในช่วงเช้าวันนี้
มาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการขยายศักยภาพในการปล่อยเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF), การจัดตั้งกลไกล ESM ในยูโรโซน, การทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ในภาคธนาคารของยุโรป และปฏิรูปนโยบายต่างๆเพื่อปรับปรุงศักยภาพด้านการแข่งขันและการขยายตัวอย่างสอดคล้องกับของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน (Euro Plus Pact)
ส่วนมติการเพิ่มศักยภาพด้านการปล่อยกู้ของกองทุน EFSF นั้น จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะมีการลงมติในเรื่องดังกล่าวนั้น สมาชิกสหภาพการค้ายุโรปกว่า 20,000 คนได้ออกมาประท้วงในกรุงบรัสเซลส์ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุม เนื่องจากสหภาพการค้ายุโรปกังวลว่า มาตรการ Euro Plus Pact อาจจะนำไปสู่การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มงวด และส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน
นอกจากนี้มีรายงานว่า 6 ประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนที่ต้องการใช้มาตรการ Euro Plus Pact โดยสมัครใจ ซึ่งได้แก่ โปแลนด์ บัลกาเรีย เดนมาร์ก โรมาเนีย มอลทา และไซปรัส