นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปี 54 มีความน่าสนใจลงทุนน้อยลงจากปีก่อน หลังเกิดปัญหาต่างๆ ภายนอกประเทศ ทั้งปัญหาหนี้สินในประเทศยุโรป เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง และเหตุการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น จึงแนะให้ลงทุนในสัดส่วน 30% บวกลบ 5 ของพอร์ตลงทุนรวม
และกระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ประมาณ 20-30% เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่มีหลายกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีประมาณ 7% หรือกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ กองทุนน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง และความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น
หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจยังเป็นหุ้นกลุ่มธนาคาพาณิชย์ ที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น กลุ่มอาหาร โดยเฉพาะที่เป็นผู้ส่งออก เช่น CPF ,TUF รวมทั้ง หุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำในปีนี้ยังเป็นขาขึ้น โดยจุดสูงสุดคาดว่าอยู่ในระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ จากปัจจุบันมีราคาเฉลี่ย 1,450 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่สามารถเข้าซื้อได้ และมีโอกาสน้อยที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัว เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ แนะให้ลงทุนทองคำประมาณ 20-30%ของพอร์ตลงทุนรวม