กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศทบทวนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 เป็น 3.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัว 2.6% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553
รายงานของกระทรวงฯ ระบุว่า ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 ได้แก่ การใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) การส่งออก และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่อยู่อาศัย (Non-residential fixed Investment) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการลงทุนในสินค้าคงคลังของภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลง
โดยในไตรมาส 4 ที่ผ่านมานั้น การบริโภคส่วนบุคคลซึ่งมีสัดส่วนถึงราว 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐ ขยายตัว 4.0% เปรียบเทียบกับที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.1% การลงทุนภาคเอกชนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย อาทิ โรงงาน อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ พุ่งขึ้น 7.7% ซึ่งเป็นการปรับทบทวนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ 5.3%
การลงทุนภาคเอกชนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยขยายตัว 3.3% จากเดิมที่ประมาณการไว้ 2.8% การนำเข้าร่วงลง 12.6% จากเดิมที่ประมาณการไว้ 12.4% ขณะที่การส่งออกขยายตัว 8.6% ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากเดิมที่ประมาณการไว้ 9.6%
ทั้งนี้ กระทรวงฯยังได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของจีดีพีปี 2553 เป็น 2.9% ต่อปี จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% และเปรียบเทียบกับที่หดตัวลง 2.6% ต่อปี ในปี 2552 ซึ่งนับว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2553 นั้น สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งในครั้งนั้นเศรษฐกิจขยายตัว 3.1%
กระทรวงฯ มีกำหนดการรายงานข้อมูลจีดีพี ไตรมาสแรกของปี 2554 ในวันที่ 28 เมษายน