สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นบดบังความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันก่อน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,426.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,422 - 1,438.10 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ร่วงลง 32.6 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 37.049 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 0.55 เซนต์ ปิดที่ 4.419 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 14.4 ดอลลาร์ หรือ 0.8% แตะ 1745.6 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 750.40 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนกล่าวว่า ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้ลดความน่าดึงดูดของทองคำสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเปรียบเทียบดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้า 6 สกุลเงินหลัก ปรับตัวขึ้นแตะ 76.236 จากระดับ 75.665 เมื่อวันพฤหสบดี ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะระลอกใหม่ในยุโรป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่หลายรายของธนาคารกลางสหรัฐออกมาแสดงความเห็นว่า เฟดไม่น่าที่จะขยายโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนได้เข้ามาขายสัญญาทองคำ หลังจากที่สัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,448.6 ดอลลาร์/ออนซ์ในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันพฤหัสบดี
ขณะที่วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 เป็น 3.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งช่วยหนุนตลาดหุ้น แต่เป็นปัจจัยลบต่อตลาดทอง เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าอย่าง หุ้น และลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงทองคำ