สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องหนี้ของโปรตุเกส และจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2553 ที่ขยายตัวสูงกว่าประมาณการครั้งก่อน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.430 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 80.980 เยน พุ่งขึ้น 1.35% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9205 ฟรังค์ จากระดับ 0.9082 และแข็งค่าขึ้น 0.58% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 0.9819 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 0.9762
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.76% แตะที่ 1.4065 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4173 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.65% แตะที่ 1.6012 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6117 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.44% แตะที่ 1.0254 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0209 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์เดินหน้าขึ้น 0.53% แตะที่ 0.7525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ BBB จาก A- หลังจากที่ฟิทช์เพิ่งปรับลดอันดับเครดิตโปรตุเกสลง 2 ขั้นเช่นกัน สู่ระดับ A- จากเดิม A+ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่รัฐสภาโปรตุเกสได้โหวตคว่ำมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งมีเป้าหมายที่จะปรับปรุงสถานะการคลังของประเทศเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ จนส่งผลให้นายกรัฐมนตรีโชเซ่ โซคราเตส ประกาศลาออก
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐประกาศทบทวนอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4 ปี 2553 เป็น 3.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 2.8% ซึ่งนับเป็นการขยายตัวไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
เดนนิส ล็อกฮาร์ท ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเฟดไม่น่าที่จะขยายโครงการซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวเป็นไปในทำนองเดียวกับเจ้าหน้าที่เฟดท่านๆอื่นที่ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินในเร็วๆนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ