นพ.มารุต มัสยวณิช รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
รับทราบผลความก้าวหน้าของแผนพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์ และแผนปฏิบัติการภายใต้แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์มาบตาพุด และพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2574 เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ
สำหรับแผนพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์ และแผนปฏิบัติการภายใต้แนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์มาบตาพุดเป้าหมายหลักของการพัฒนาไปสู่เมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์มีอยู่ 3 ส่วน เริ่มตั้งแต่โรงงานไปสู่นิคมอุตสาหกรรม แล้วจึงขยายผลเชื่อมโยงกับเมือง
ร่างแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ พ.ศ.2555-2574 มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางในการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่สมดุลและยั่งยืน" โดยมียุทธศาสตร์ ดังนี้ ยกระดับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมและขยายเครือข่ายการผลิตสู่ต่างประเทศ เพื่อการเพิ่มผลิตภาพด้านการผลิต ลดข้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันร่วมกัน โดยมีกลยุทธ์
ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน พัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตลอดจนยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
ยกระดับสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ บังคับใช้มาตรฐาน การผลิต การควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชน และปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน
และเพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมมีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ตามแผนแม่บทฯ กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สศอ. จึงได้จัดทำร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 — 2574 ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องรวม 12 หน่วยงาน เป็นอนุกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักนโยบายอุตสาหกรรมมหภาค เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ โดยทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรอง และจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ พร้อมงบประมาณภายใต้กรอบแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติให้มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์