แผนดังกล่าวได้รับการนำเสนอโดยสำนักงานทั่วไปของสภาแห่งรัฐ และมีการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของรัฐบาลกลางที่ www.gov.cn ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวระบุว่า จีนจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์นม น้ำมันปรุงอาหาร อาหารเสริมสุขภาพ เนื้อสัตว์ สารปรุงแต่งอาหาร และแอลกอฮอล์ ในการรณรงค์ความปลอดภัยด้านอาหารในปีนี้ โดยแผนดังกล่าวจะเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของอาหารประเภทสำคัญดังกล่าว ด้วยการยกระดับมาตรฐานการเข้าสู่ตลาด การยกเลิกการดำเนินงานของผู้ผลิตที่มีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ ตลอดจนการนำกลไกติดตามข้อมูลและระบบสินเชื่อมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารประเภทเหล่านี้
-- นายหุย เหลียงหยู รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนควรส่งเสริมนโยบายพึ่งพาตนเองด้านอาหาร โดยนายหุยแสดงความคิดเห็นดังกล่าวในระหว่างการประชุมร่วมกับนายดาเซียน ซิโอลอส กรรมาธิการยุโรปด้านการพัฒนาเกษตรและชนบท
นายหุยกล่าวว่า จีนจะยึดมั่นนโยบายพึ่งพาอุปทานภายในประเทศ และระบุด้วยว่าจีนควรให้ความช่วยเหลือด้านอาหารแก่นานาชาติหากอยู่ในอำนาจที่สามารถทำได้
-- แผน 5 ปีฉบับที่ 12 สำหรับปี 2554-2558 ระบุว่า มณฑลชานตงทางภาคตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกฝ้ายรายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ มีแผนที่จะสร้างความมั่นคงให้กับพื้นที่เพาะปลูก 800,000 เฮคตาร์ และเพิ่มผลผลิตต่อปีขึ้นสูงกว่า 1 ล้านตันภายในปี 2558
นั่นหมายความว่า การผลิตฝ้ายของมณฑลชานตงจะเพิ่มขึ้น 38% ในช่วงดังกล่าว
แผนดังกล่าวระบุว่า มณฑลชานตงจะเพิ่มการวิจัยการเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ฝ้ายและปรับปรุงฐานการผลิตฝ้ายสาธิตในช่วง 5 ปีดังกล่าว นอกจากนี้ มณฑลชานตงจะยังสร้างระบบคลังสำรองและกำหนดราคารับซื้อฝ้ายขั้นต่ำ
-- หวัง ฉินคุย รองเลขาธิการสมาคมสิ่งทอฝ้ายของจีน (CCTA) คาดว่า อุปสงค์ฝ้ายของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2554 แต่ผู้ประกอบการด้านสิ่งทอ ซึ่งเป็นผู้รับซื้อฝ้ายรายใหญ่ มีความรอบคอบในการซื้อฝ้ายเนื่องจากราคาฝ้ายที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมานี้
นายหวังเผยด้วยว่า ผลผลิตด้ายและผ้าฝ้ายของประเทศแตะระดับ 27.15 ล้านตัน และ 8 หมื่นล้านเมตรตามลำดับในปี 2553 และอัตรากำไรของอุตสาหกรรมสิ่งทอยังแตะระดับสูงสุดที่ 5%
โดยนายหุยได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้ว่ากำลังการผลิตสิ่งทอจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทสิ่งทอโดยรวมก็ยังคงรอดูราคาฝ้ายก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ และมีแนวโน้มว่าจะซื้อ ณ ราคาปัจจุบัน มากกว่าการสั่งซื้อวัตถุดิบในระยะยาว สำนักข่าวซินหัวรายงาน