นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ทบทวนค่าใช้จ่ายดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรปี 2553/54 และงบประมาณดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2553/54 รอบที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยเห็นชอบการทบทวนค่าใช้จ่ายดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ปีการผลิต 2553/54 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ซึ่งคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเหมาจ่ายต่อเกษตรกร 1 ราย ในอัตรารายละ 315 บาท กรณีเกษตรกรได้สิทธิชดเชยรายได้และในอัตรารายละ 289 บาท กรณีเกษตรกรไม่ได้สิทธิชดเชยรายได้
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้ใช้เงินทุนของ ธ.ก.ส.เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้เกษตรกรสำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 2 ระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรที่จัดทำสัญญาประกันรายได้และใช้สิทธิตามสัญญาประกันรายได้ โดย ธ.ก.ส.คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในอัตรา FDR+Spread ซึ่ง ณ วันที่ 8 ก.พ.54 เท่ากับร้อยละ 2.5125 ต่อปี
และเห็นชอบงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 2 วงเงินทั้งสิ้น 31,515 ล้านบาท โดยในรายละเอียดงบประมาณให้ ธ.ก.ส.หารือกับสำนักงบประมาณ(สงป.) ในเรื่องวงเงินชดเชยรายได้เกษตรกร จำนวน 30,458 ล้านบาท, ค่าบริหารโครงการ โดย ธ.ก.ส. เรียกเก็บค่าบริหารโครงการจากรัฐบาลเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงาน ในอัตราเหมาจ่าย รายละ 315 บาท ต่อเกษตรกร 1 ราย กรณีที่ได้สิทธิชดเชยรายได้ และอัตราเหมาจ่ายรายละ 289 บาท ต่อเกษตรกร 1 ราย ที่ไม่ได้สิทธิชดเชยรายได้ ประมาณการเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 830,000 คน คิดเป็นวงเงิน 262 ล้านบาท, ค่าชดเชยต้นทุนเงิน กรณีใช้เงินทุน ธ.ก.ส. จ่ายชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้ ระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาล โดย ธ.ก.ส. คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในอัตรา FDR+Spread ซึ่ง ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 เท่ากับร้อยละ 2.5125 ต่อปี ประมาณการวงเงิน 765 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์โครงการวงเงิน 30 ล้านบาท