นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อจากตนเองที่จะครบวาระในเดือน ก.ย.นี้น่าจะมาจากคนในของกลุ่ม ปตท.
"หากไม่ใช่ก็นับเป็นความล้มเหลวของผมในการสร้างบุคลากรที่จะเข้ามาสานงานต่อ และคงจะไม่มีเหตุผลอธิบายว่าทำไมคนใน ปตท.ซึ่งทำงานเป็นกลุ่มและทำให้รายได้ของกลุ่ม ปตท.ที่มีประมาณ 2 ล้านล้านบาทในปี 2553 ถือเป็นสัดส่วนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร้อยละ 25 จึงไม่สามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนได้" นายประเสริฐ กล่าวในระหว่างการร่วมงานสัมมนาและจัดนิทรรศการ PTT Group Downstream Expo 2011 ที่อาคารเอ็นเนอร์ยีคอมเพล็กซ์
ทั้งนี้ นายประเสริฐจะพ้นตำแหน่งซีอีโอในวาระที่ 2 หรือครบ 8 ปีในวันที่ 9 ก.ย.นี้ โดยตามกระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่จะมีการเปิดรับสมัครผู้สนใจสมัครแข่งขันตามหลักเกณฑ์รัฐวิสาหกิจทั่วไป ทั้งบุคคลภายในและภายนอกสามารถเข้าร่วมสมัครแข่งขันได้
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ผู้ว่า ปตท.ตั้งแต่สมัยนายเลื่อน กฤษณกรี มาจนถึงปัจจุบันล้วนแต่เป็นคนใน ปตท.ทั้งสิ้น โดยการเปิดรับสมัครครั้งนี้ คาดว่า จะมีคนใน ปตท.สมัครเข้าแข่งขันประมาณ 2-3 คน ซึ่งเชื่อว่าความรู้ความสามารถของคนใน ปตท.จะทำให้ได้รับการคัดเลือก
"ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหาฯ ว่าจะเลือกใคร ผมไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเป็นคนใน เพราะเรื่องนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้า" นายประเสิรฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการที่กลุ่ม ปตท.ได้มีการร่วมมือในเรื่องประสานประโยชน์ร่วมกัน หรือ Synergy จนทำให้ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ ซึ่งเริ่มมาจากปี 2549 ขณะนี้เริ่มเห็นผลชัดเจน โดยสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี และกลุ่ม ปตท.จะดำเนินการต่อเนื่องทุกรูปแบบเพื่อประสานประโยชน์ร่วมกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.วางแผนลงทุนในต่างประเทศและลงทุนทางด้านธุรกิจสีเขียวเพิ่มมากขึ้น โดยได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญมีทั้งในและต่างประเทศเห็นตรงกันว่าไทยมีศักยภาพที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชียในการผลิตพลาสติกชีวภาพ หรือ Bio-plastic เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งจากยุโรปและอเมริกาทางด้านการสรรหาวัตถุดิบ โดยเฉพาะเรื่องค่าขนส่งไปยังตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งคือประเทศจีน