นายบุญส่ง เกิดกลาง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า สนพ.เตรียมรายงานภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) รับทราบในวันที่ 20 เม.ย.นี้ เพื่อให้พิจารณาถึงการดำเนินการตามนโยบายตรึงราคาดีเซลไม่ให้สูงเกิน 30 บาทต่อลิตรจนถึงสิ้นเดือน เม.ย.54
"จะมีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันให้ที่ประชุมฯ ได้รับทราบ และตัดสินใจว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อไป" นายบุญส่ง กล่าว
รักษาการผู้อำนวยการ สนพ.กล่าวว่า หากรัฐบาลให้ทยอยปรับราคาดีเซลจะสามารถสะท้อนราคาตลาดโลกทันที เพราะการให้ตรึงราคาต่อไปจะส่งผลให้เงินกองทุนน้ำมันฯ ติดลบ และทางสำนักบริหารกองทุนพลังงาน(สบพ.) จะต้องเสนอ ครม.เพื่อกู้เงินจากสถาบันการเงินมาใช้ในการตรึงราคา ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ผู้ใช้น้ำมันมีภาระในการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่หากมีการทยอยปรับขึ้นราคา ภาระกองทุนน้ำมันฯ ก็จะลดน้อยลง แต่หากโชคดีราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลดลง ทางกระทรวงจะใช้กลไกการบริหารราคาด้วยการลดราคาช้าลง เพื่อให้กองทุนน้ำมันฯ อยู่ในฐานะเป็นบวกต่อไป
"ดีเซลควรจะมีการทยอยปรับขึ้นเพื่อให้สะท้อนต้นทุน คิดว่าประชาชนและผู้ประกอบการพอรับได้ เพื่อที่จะได้เตรียมบริหารต้นทุนที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะไม่มีสินค้าใดที่จะตรึงราคาไว้เท่าเดิมตลอดไป" นายบุญส่ง กล่าว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 54 อยู่ที่ประมาณ 108 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ยทั้งปี 54 อยู่ที่ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดย สนพ.ประเมินเบื้องต้น ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะที่ฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ เมื่อหักหนี้ในอดีตแล้วอยู่ที่ 15,624 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายแต่จะต้องจ่ายตามนโยบายที่ กพช.อนุมัติไว้สูงถึง 14,361 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินเปลี่ยนเชื้อเพลิงแท็กซี่แอลพีจีเป็นเอ็นจีวี 1,200 ล้านบาท เงินชดเชยการนำเข้าไปแอลพีจีรวมเป็น 9,500 ล้านบาท เงินชดเชยราคาเอ็นจีวี 3,600 ล้านบาท ซึ่งหากราคาน้ำมันดีเซลไม่ปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯ จะยังไหลออกประมาณ 307 ล้านบาท/วัน หรือ 9,000 ล้านบาท/เดือน
ในภาวะราคาน้ำมันตลาดโลกช่วง 2-3 วันนี้ได้เริ่มปรับลดลง และในอีก 2 วันนี้ หากยังลดลงต่อเนื่อง ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ สนพ.จะเสนอให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เพื่อปรับลดการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลลง จากปัจจุบันที่มีการชดเชยรวม 5.10 บาทต่อลิตร แต่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันตลาดโลกว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
การประชุม กพช.จะมีการหารือถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีที่ กพช.ปรับลดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(ADDER) จาก 8 บาท/หน่วย เหลือ 6.50 บาท/หน่วย ซึ่งทางกระทรวงพลังงานจะมีการสรุปเสนอให้ที่ประชุมฯ รับทราบถึงภาระ ADDER ในอนาคตหากไม่มีการปรับลดลงจะเป็นต้นทุนต่อภาระค่าเอฟที
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง จะเสนอให้มีการยืดระยะเวลาการตรึงดีเซล 30 บาทจากสิ้นเดือน เม.ย.54 ไปถึงสิ้นเดือน มิ.ย.54 นั้น นายบุญส่ง กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังไม่รับทราบนโยบาย แต่หากตรึงต่อไปจะเป็นภาระกองทุนน้ำมันฯ เพิ่มขึ้น และรัฐบาลจะกำหนดนโยบายเพื่อหาวงเงินจากไหนมาชดเชยภาระดังกล่าว เพราะปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันฯ หากหักลบหนี้ในอนาคตแล้วก็ใกล้จะติดลบแล้ว