3 สมาคมยันน้ำตาลในประเทศไม่ขาดแคลน มีสินค้ารอขายอีก 146 ล้านกก.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 29, 2011 17:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางวัลยารีย์ ไพสุขศานติวัฒนา เลขานุการคณะทำงานด้านตลาดภายในประเทศของ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ยืนยันว่า น้ำตาลทรายในประเทศไม่ได้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างที่มีกระแสข่าวออกมา และเพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ จากการจัดเก็บข้อมูลของโรงงานน้ำตาลทรายทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2554 พบว่า สำหรับโควตา ก. (จำหน่ายในประเทศ) ได้จำหน่ายน้ำตาลทรายออกไป 6,637,274.97 กระสอบ จากน้ำตาลทรายที่ได้ขึ้นงวดแล้ว 7,973,066 กระสอบ จึงเหลือน้ำตาลท ค้างกระดานอีก 1,335,791.03 กระสอบ หรือ 133.58 ล้านกก.

เมื่อรวมกับน้ำตาลฤดูการผลิตเมื่อปี 2552/2553 ที่มียอดค้างกระดานรอการขายอีก 12.71 ล้าน กก. ทำให้ ณ วันที่ 28 มีนาคม มีน้ำตาลทรายที่รอการขายสูงถึง 146.29 ล้านกก. ทั้งนี้ ในแต่ละสัปดาห์ จะมีน้ำตาลทรายขึ้นงวดเพื่อขายในประเทศอีกประมาณ 48 ล้านกก. น้ำตาลที่ค้างกระดานปัจจุบันนี้ จึงเทียบเท่ากับ 3 งวดปกติ

"ช่วงเดียวกันของฤดูการผลิตปีที่ผ่านมา มีน้ำตาลค้างกระดานเพียง 102.92 ล้านกก.เท่านั้น แต่ปีนี้มีปริมาณน้ำตาลค้างกระดานสูงกว่ามาก สะท้อนว่าความต้องการน้ำตาลในประเทศในปีนี้ต่ำกว่าปีที่แล้ว ในขณะที่ปริมาณน้ำตาลโควตา ก. ที่จัดสรรไว้ปีนี้ที่ 25 ล้านกระสอบ หรือ 2,500 ล้านกก. สูงกว่าปีที่แล้วถึง 3 ล้านกระสอบ และยังมี สำรองไว้อีก 3 ล้านกระสอบ หรือ 300 ล้านกก. รวมเป็นปริมาณที่เตรียมไว้บริโภคในประเทศเท่ากับ 2,800 ล้านกก. ซึ่งเป็นการเพิ่มจากปีที่แล้ว 30% จึงเชื่อว่า ปริมาณน้ำตาลในปีนี้จะเพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศอย่างแน่นอน" นางวัลยารีย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกว่าน้ำตาลขาดแคลนนั้น น่าจะมาจากกรณีที่ผู้บริโภคไม่สามารถหาซื้อน้ำตาลทรายบรรจุถุง 1 กิโลกรัมตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด)บางแห่ง เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์กำหนดราคาขายปลีกน้ำตาลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่กิโลกรัมละ 23.50 บาท แต่ในทางปฏิบัติประชาชนที่ซื้อน้ำตาลถุง 1 กก.ในห้างโมเดิร์นเทรดจะได้ราคาต่ำกว่าซื้อตามตลาดสด หรือร้านโชว์ห่วย ประกอบกับ การขยายสาขาของโมเดิร์นเทรด ทำให้มีความต้องการซื้อน้ำตาลจากโมเดิร์นเทรดสูงขึ้นมาก

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำตาลทรายที่ขายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่คิดเป็น 8-10% เท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลที่จำหน่ายในประเทศทั้งหมด ดังนั้น การใช้ช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นตัวแทนของการบริโภคน้ำตาลภายในประเทศ ไม่น่าจะถูกต้อง

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำตาลในโมเดิร์นเทรด สามารถทำได้หลายทาง เช่น ให้ผู้ประกอบการซื้อน้ำตาลทรายขนาด 50 กก.จากโรงงานไปบรรจุถุงขายให้กับผู้บริโภคตามความต้องการ รวมไปถึงการเข้มงวดตรวจจับผู้ค้าปลีกน้ำตาลในราคาเกินกว่าราคาควบคุม เพื่อลดการเก็งกำไรโดยการไปซื้อน้ำตาลจากโมเดิร์นเทรดมาขายต่อนอกห้าง

นางวัลยารีย์ กล่าวอีกว่า การกำหนดปริมาณน้ำตาลโควตา ก.ที่ชัดเจนจะส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยและประเทศชาติ เพราะจะมีผลต่อการวางแผนการจำหน่ายน้ำตาลโควตา ค. หรือน้ำตาลส่งออก ซึ่งจะต้องทำสัญญาขายล่วงหน้า หากไม่มีความชัดเจนก็จะทำให้เสียโอกาสจากการขายน้ำตาลในระดับราคาที่เหมาะสม ผลตอบแทนที่ได้จะเป็นส่วนของชาวไร่อ้อย 70% และโรงงานน้ำตาล 30%

"อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อปริมาณน้ำตาลในประเทศก็คือ ภาคอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าส่งออกโดยใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบ อยากให้ภาครัฐตรวจสอบให้ชัดว่าใช้น้ำตาลโควตา ก. เป็นวัตถุดิบปริมาณเท่าใด หรือหากกำหนดให้ชัดเลยว่าจะใช้โควต้า ก. หรือโควตา ค. ก็จะทำให้การจัดสรรสัดส่วนของโควต้า ก. ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในภาวะที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงเช่น ในปัจจุบันนี้ ภาครัฐจะต้องเข้มงวดกับการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำน้ำตาลโควตา ก. ออกไปขายตามชายแดนด้วย" นางวัลยารีย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ