ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์,ยูโรพุ่งหลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและสกุลเงินอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจจะร่นระยะเวลาในการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวติดต่อกันหลายไตรมาส ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.92% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 82.450 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.700 เยน และดีดตัวขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9208 ฟรังค์ จากระดับ 0.9168 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4101 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4081 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.03% แตะที่ 1.5995 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5990 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.49% แตะที่ 1.0292 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.0242 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.80% แตะที่ 0.7568 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7508 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจจะพิจารณาเรื่องการร่นระยะเวลาการใช้มาตรการ QE2 จากเดิมที่กำหนดให้มาตรการดังกล่าวหมดอายุลงในช่วงกลางปีนี้ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนตีความว่า คณะกรรมการเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

นายบุลลาร์ดกล่าวว่า ปัจจัยที่อาจทำให้คณะกรรมการเฟดพิจารณาเรื่องดังกล่าวมาจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวติดต่อกันหลายไตรมาส โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2553 ของสหรัฐ ขยายตัว 3.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 6 ไตรมาส

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันจากรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 63.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 72.0 จุด

ส่วนค่าเงินยูโรยังคงได้แรงหนุนหลังจากประธานอีซีบีกล่าวว่า อีซีบีอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซน หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อของโรงงานทั่วประเทศเดือนก.พ., ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.และ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 188,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.และอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวที่ 8.9% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.พ.