หนังสือพิมพ์จาร์การ์ต้าโพสต์รายงานโดยอ้างคำพูดของสมาคมเหมืองแร่แห่งประเทศอินโดนีเซียว่า อินโดนีเซียต้องการเงินลงทุนล็อตใหม่อีกถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้สำหรับกิจกรรมการสำรวจเพื่อรักษาปริมาณการผลิตแร่ในระดับปัจจุบัน
นายมาร์ติโอโน ฮาเดียนโต นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "หากรัฐบาลต้องการรักษาระดับการผลิตในปัจจุบัน ก็ต้องกระตุ้นให้มีการสำรวจภายนอกเหมือง"
นายมาร์ติโอโนยกตัวอย่างแคนาดาและบราซิล ซึ่งเป็นสองประเทศผู้ผลิตแร่รายใหญ่ ซึ่งในปี 2551 ใช้งบลงทุนกว่า 3.3 พันล้านดอลลาร์และ 470 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับในการสำรวจ
"การผลิตในพื้นที่เหมืองปัจจุบันจะลดลงในที่สุดและต้องปิดตัวลงหากเราไม่มีพื้นที่ใหม่มาทดแทนของเก่า โดยการใช้จ่ายด้านการสำรวจมีความจำเป็นต่ออนาคตของอุตสาหกรรมนี้" นายนายมาร์ติโอโนซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริหารของบริษัทพีที นิวมองต์ นูสา เทงการา ซึ่งดำเนินเนินธุรกิจเหมืองแร่ทองคำและทองแดงด้วยกล่าว
นอกจากนี้ นายมาร์ติโอโนยังกล่าวเสริมว่า รัฐบาลอินโดนีเซียต้องทำงานมากขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการแข่งขันและกำหนดงบประมาณที่เป็นมิตรกับนักลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่มากขึ้น
ด้านนายบัมบัง เซเทียวัน ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายแร่ธาตุและถ่านหินของกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่กล่าวว่า ในปีนี้ ทางกระทรวงได้ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนไว้ที่ 3.5 พันล้าดอลลาร์ สำหรับการลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และถ่านหิน เพิ่มขึ้น 10% จาก 3.18 พันล้านดอลลาร์ที่ทำได้ในปีที่แล้ว
โดยในปีที่ผ่านมา กระทรวงฯ สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ได้สูงถึง 3.18 พันล้านดอลลาร์ โดยนายมาร์ติโอโน แนะนำว่า รัฐบาลควรแก้ไขข้อจำกัดด้านกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายป่าไม้ ปี 1999 เนื่องจากไม่ชัดเจน สับสน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน