สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและวิกฤติหนี้ยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 15 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,439.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,421.70-1,441.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 37.70 เซนต์ ปิดที่ 37.888 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 3.35 เซนต์ ปิดที่ 4.3075 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,783.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 767.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาลี นักวิเคราะห์ด้านโลหะมีค่าจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้สัญญาทองคำทะยานขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาจากแรงซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤติหนี้ยุโรปและสถานการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางและลิเบีย โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่ากองกำลังทหารของมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย สามารถยึดท่าเรือลำเลียงน้ำมันที่เมืองราสลานอฟและเมืองเบรกากลับมาได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบทำให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นหลังจากสภาทองคำโลก (WGC) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ความต้องการทองคำในอินเดียซึ่งเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่สุดของโลก อาจพุ่งขึ้นเป็น 1,200 ตันภายในปี 2563 จากปี 2553 ที่ระดับ 963.1 ตัน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งช่วยหนุนรายได้และการออมเงินของภาคครัวเรือนในอินเดียให้สูงขึ้นด้วย