สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันจากวิกฤตหนี้ยุโรป และรายงานที่ว่าธนาคารในไอร์แลนด์อาจต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนฉุกเฉินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ค่าเงินยูโรแข็งขึ้น 0.3% แตะที่ 1.4171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.4125 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.23% แตะที่ 1.6038 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6075 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.33% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.140 เยน จากระดับ 82.870 เยน แต่อ่อนค่าลง 0.11% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9177 ฟรังค์ จากระดับ 0.9187 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.17% แตะที่ 1.0343 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.0325 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.11% แตะที่ 0.7622 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7614 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเดินหน้าเข้าซื้อสกุลเงินยูโรนับตั้งแต่มีกระแสคาดการณ์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 7 เม.ย.นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซน โดยล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะ 2.6% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับระดับ 2.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2% เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา
นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า จำนวนคนว่างงานในเยอรมนีร่วงลง 55,000 คน มาอยู่ที่ 3.01 ล้านคนในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2535 ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลงมาอยู่ที่ 7.1% จากระดับ 7.3%
แต่ในระหว่างวันนั้น ค่าเงินยูโรถูกกดดันหลังจากหลังจากธนาคารกลางไอร์แลนด์เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มอีก 2.4 หมื่นล้านยูโรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และมีธนาคาร 4 แห่งที่อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนฉุกเฉินของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 มี.ค.ร่วงลง 6,000 ราย แตะระดับ 388,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินฟรังค์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าใหม่ของโรงงานภายในประเทศปรับตัวลดลง 0.1% แตะ 4.46 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค. และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ 8.9%