นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า การผลิตก๊าซธรรมชาติในเหล่งอ่าวไทยในช่วง 2 ปีนี้จะมีแหล่งใหญ่ เข้าระบบ 2 โครงการ ได้แก่ แหล่งปลาทอง 2 ของเชฟรอน จะเริ่มส่งก๊าซธรรมชาติ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันในปลายปี 54
ส่วนปลายปี 55 จะมีแหล่งบงกชใต้ ของ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เข้าระบบ 320 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งหากขึ้นมาครบแล้ว ก็จะทำให้ท่อก๊าซฯในอ่าวไทยทั้ง 3 ท่อใช้ศักยภาพการขนส่งครบ 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน
อย่างไรก็ตาม หากพบก๊าซฯมากขึ้น คงจะไม่มีการสร้างท่อเส้นที่ 4 เนื่องจาก บมจ.ปตท. (PTT) สามารถลงทุนระบบเพิ่มกำลังส่งก๊าซฯในแต่ละจุด ทำให้รองรับการขนส่งได้ 5-6 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน แต่การใช้ก๊าซฯของประเทศคงจะต้องวางแผนให้ดีว่าจะยืดการใช้ก๊าซฯในอ่าวไทยให้ยาวนานที่สุด เพื่อรองรับการผลิตปิโตรเคมี ที่จะสร้างรายได้ต่อประเทศ ซึ่งก็จะต้องพิจารณาควบคู่กับการใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าด้วย
ส่วนแหล่งบนบก ในขณะนี้ได้รับรายงานข่าวดีจาก TATEX ผู้ได้รับสัมปทานแหล่งสำรวจ TATEX E ในอำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์ว่า มีโอกาสพบก๊าซฯในชั้นหินปูน ในปริมาณใกล้เคียงกับแหล่งน้ำพอง และแหล่งภูฮ่อม ซึ่งหากมีการยืนยันปริมาณที่ชัดเจนแล้ว ก็เป็นผลดีต่อการผลิตไฟฟ้าในภาคอีสาน ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อาจจะมีการปรับปรุงโรงไฟฟ้าน้ำพอง จาก Gas Turbine เป็น Combine cycle ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น
นายทรงภพ กล่าวด้วยว่า จากการที่กรมฯได้ออกคู่มือในการจัดทำประชาพิจารณ์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชน ก่อนขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมในปีที่แล้ว และทุกบริษัทได้ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นผลดีต่อการปฏิบัติการ ซึ่งในส่วนของแหล่งของนูคอสตอลที่จะเข้าเจาะสำรวจในพื้นที่ห่างจากเกาะสมุย 42 กม.นั้น คาดว่าจะเจาะสำรวจได้ตามแผนปลายปีนี้ โดยขณะนี้ได้รับการยอมรับจากประชาชนมากขึ้น
ในขณะที่แหล่งใกล้อ่าวไก่ จ.สมุทรสาครของบริษัทเพิร์ลออยล์นั้น ได้รับการร้องเรียนว่าอาจะส่งผลกระทบต่อปลาวาฬ ซึ่งคงจะต้องมีการเข้มงวดเรื่องการดำเนินการเพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปีนี้จะลดลง และส่งผลต่อความต้องการก๊าซธรรมชาติไม่ได้สูงตามที่คาดการณ์ จากสภาพอากศที่แปรปรวน โดยคาดว่าจะมีความต้องการใช้ก๊าซฯเหลือประมาณกว่า 3,000 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันเท่านั้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าปีนี้จะมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติสูงสุดถึง 3,500 ล้านลูกบาศ์ฟุต/วัน