ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อมีโอกาสเร่งตัวขึ้นได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/54 เนื่องจากแนวโน้มราคาสินค้าได้เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) มีโอกาสขยับเข้าสู่ 3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI) จะไต่ระดับขึ้นสู่ 2%
สำหรับปัจจัยที่จะมีผลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 2 ประกอบด้วย การทยอยปรับเพิ่มราคาสินค้าตามต้นทุนของผู้ประกอบการ, การพิจารณาแนวทางราคาน้ำมันดีเซลหลังสิ้นสุดช่วงตรึงราคาสิ้นเดือนเม.ย.54, ทิศทางราคาน้ำมันโลกที่อาจมีผลต่อเนื่องมายังราคาน้ำมันประเภทอื่นที่ภาครัฐไม่ได้ช่วยชดเชยราคา, ทิศทางราคาสินค้าในกลุ่มเกษตรที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อสภาวะดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน โดยเฉพาะผลจากปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ของไทย รวมถึงการขยับขึ้นเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หลังจากที่ภาคเอกชนขยับขึ้นไปแล้วในช่วงต้นปี
ดังนั้น เมื่อผนวกเข้ากับแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในช่วงครึ่งหลังของปี 54 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ภาพรวมของเงินเฟ้อทั่วไปปี 54 น่าจะอยู่ในกรอบประมาณ 3.6-4.6% (ค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ 4%) ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานน่าที่จะอยู่ในกรอบ 2.4-3.0% (ค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ 2.6%)
กรอบประมาณการเงินเฟ้อดังกล่าว ยืนบนสมมติฐานราคาเฉลี่ยน้ำมันดูไบปี 54 ที่ระดับ 98-108 ดอลลาร์/บาร์เรล (ค่ากลางกรณีพื้นฐานที่ 102 ดอลลาร์/บาร์เรล) และภาครัฐจะพิจารณาต่ออายุสำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพบางส่วนออกไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดและแนวโน้มที่เป็นขาขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่อาจเพิ่มขึ้นไปที่ 3.0% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 54 หรือช่วงปลายไตรมาส 3/54 เป็นอย่างเร็วในกรณีที่การปรับขึ้นของราคาสินค้าเป็นไปในวงกว้าง ทำให้เครือธนาคารกสิกรไทยยังคงประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) น่าจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.25% เป็น 2.75% ในการประชุมวันที่ 20 เม.ย.54 และอาจขยับขึ้นไปที่ 3.25% ณ สิ้นปี 54 เพื่อดูแลประเด็นทางด้านเสถียรภาพราคาภายในประเทศ ซึ่งย่อมจะมีผลต่อเนื่องมายังอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน และอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ให้ขยับขึ้นในทิศทางที่สอดคล้องกันได้อีกระยะหนึ่ง
อนึ่ง วันนี้กระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมี.ค.54 อยู่ที่ 3.14% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.62%