นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ว่า ได้มอบหมายให้คณะกรรมการและฝ่ายบริหารธนาคารวางแนวทางการเพิ่มบทบาทของธนาคารในการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะหลังการรวมตัวการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการทำธุรกิจของไทยในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ธนาคารส่งเสริมผู้ประกอบการไทยมีความสำเร็จในการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ได้เน้นให้ธนาคารดูแลผู้ประกอบการ 2 กลุ่มหลัก คือ ผู้รับเหมาก่อสร้างที่รับงานในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มนี้จะมีปัญหาที่ธนาคารพาณิชย์จะคิดค่าธรรมนียมในอัตราสูงถึง 2%ของมูลค่าโครงการ นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ดูแลกิจการพาณิชย์นาวี ซึ่งเป็นการสนับสนุนกลุ่มกองเรือของไทยให้สามารถระดมเงินได้อย่างเหมาะสมและมีต้นทุนการเงินที่ต่ำ เพื่อให้มีกิจการกองเรือของไทยมากขึ้น
"ในแง่ของรัฐอยากเห็นสถาบันการเงินของรัฐดูแลภาคเอกชนให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ ซึ่งกรณีที่ลูกค้ากู้ยืมจากแบงก์เอกชนได้ก็ไม่จำเป็นที่ธนาคารต้องไปดูแล เพราะหากเป็นการแย่งชิงกับแบงก์เอกชนคงไม่ใช่วัตถุประสงค์"นายกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของธนาคารแม้จะไม่ได้ให้มีการแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ แต่ยังต้องการให้ธนาคารเป็นสถาบันการเงินที่เข้มแข็ง อยู่ได้ด้วยตนเอง ซึ่งธนาคารต้องมีฐานลูกค้าที่สร้างกำไรได้ มีลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่เพิ่มความเสี่ยงให้องค์กร และต้องมีเป้าที่ชัดเจนในการส่งเสริมธุรกิจต่างๆในภาคอุตสาหกรรม
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ขณะนี้เอ็กซิมแบงก์ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีก เนื่องจากเงินกองทุนปัจจุบันยังมีเพียงพอใช้ปล่อยสินเชื่อได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้เพิ่มทุนให้ธนาคารแล้ว 5,000 ล้านบาท