นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยเตรียมเรียกสมาชิกธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยภาคใต้ เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งได้ออกโปรแกรมช่วยเหลือของลูกค้าของตนแล้วก็ตาม
“แบงก์ทุกแห่งเร่งให้การช่วยเหลือลูกค้าของตนเองอยู่แล้ว โดยหลักๆจะเป็นการยืด การพักชำระเงินต้น และถ้าจำเป็นจะมีการเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสม แต่ทางสมาคมฯก็จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือเช่นกัน" นายชาติศิริ ระบุ
อย่างไรก็ตาม การสำรวจความต้องการความช่วยเหลือของลูกค้าขณะนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของเหตุการณ์ดังนั้นควรรอให้มีการสำรวจความเสียหายและประเมินความต้องการช่วยเหลือก่อน
นายชาติศิริ มองว่า ปัญหาอุทกภัยภาคใต้น่าจะเกิดช่วงสั้นและจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงไม่มีความกังวลต่อปัญหาหนี้เสียที่จะตามมา เนื่องจากเศรษฐกิจภาคใต้ประกอบด้วยการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งราคาในตลาดยังอยู่ในระดับสูง และยังมีอุตสาหกรรมโรงแรมที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนมีรายได้ประจำต่อหัวสูงสุดในประเทศ ประกอบกับ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายและทำการช่วยเหลือแล้วอย่างใกล้ชิด
ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวถึงความเสียหายของสาขาธนาคารพาณิชย์ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ได้รับผลกระทบบางแต่ไม่มาก โดยตั้งแต่วันที่ 29-30 มี.ค. มีธนาคาร 10 แห่งรวม 46 สาขาปิดต้องปิดให้บริการ
ด้านนายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย(KTB) กล่าวว่า ธนาคารกังวลต่อลูกค้าธนาคารที่เป็นธุรกิจโรงแรมจะได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้มากที่สุด เฉพาะพื้นที่สมุยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 83 ล้านบาท ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ด้อยลง อาจกระทบต่อการเร่งตัวของหนี้เสียของธนาคารได้ เนื่องจากธนาคารมีวงเงินสินเชื่อในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 4,000-5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้เร่งออกมาตรการใช้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างเร่งด่วนแล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะบรรเทาผลกระทบและความเสียหายต่อคุณภาพสินเชื่อลงได้มาก แต่สำหรับพืชเกษตรเช่นปาล์มน้ำมันและยางพาราไม่น่าจะได้รับผลกระทบมาก เพราะเป็นพืชทนน้ำ
ด้านธนาคารทหารไทย (TMB ) ระบุว่า ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยที่มีสินเชื่อที่มีหลักประกันกับธนาคาร ซึ่งได้แก่สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นหลัก ให้สามารถเลือกผ่อนชำระเฉพาะในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ ได้สูงสุดเป็นเวลา 6 เดือน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ลูกค้าสามารถที่จะขอยืดระยะเวลาการผ่อนชำระคืนเงินกู้ไปอีกระยะหนึ่ง สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน
สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกัน ประเภท Cash 2 Go สามารถขอชำระเฉพาะดอกเบี้ย ระยะเวลาหนึ่ง สูงสุดไม่เกิน 3 เดือน ส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีได้กำหนด 2 มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งประกอบด้วยการพิจารณาผ่อนผันให้สามารถยืดอายุการชำระเงินออกไปได้สูงสุด 6 เดือน และพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียนเพิ่มเติมชั่วคราวจากวงเงินเดิมที่ลูกค้าได้รับ
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เร่งให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบทั้งนี้การใช้ความช่วยเหลือส่วนใหญ่คือการยืดหนี้ การพักชำระเงินต้นและการเพิ่มวงเงินสินเชื่อ