เงินดอลลาร์สหรัฐแกว่งตัวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) โดยสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี แต่ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า
ค่าเงินยูโรแข็งขึ้น 0.44% แตะที่ 1.4228 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4165 ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับค่าเงินปอนด์ที่เพิ่มขึ้น 0.54% แตะที่ 1.6118 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6031ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.07% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 84.040 เยน จากระดับ 83.150 เยน และแข็งค่าขึ้น 0.63% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9242 ฟรังค์ จากระดับ 0.9184 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.57% แตะที่ 1.0386 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.0327 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.76% แตะที่ 0.7668 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7610 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปัจจัยหนุนที่ทำให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์นั้นมาจากกระแสคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่า อีซีบีจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
นักลงทุนได้เดินหน้าเข้าซื้อสกุลเงินยูโรมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีกระแสคาดการณ์ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 7 เม.ย.นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซน โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะ 2.6% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับระดับ 2.4% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของอีซีบีที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2%
สำหรับเงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนให้ค่าแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานในเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 8.8% จากระดับ 8.9% ในเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง
โดยในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา การจ้างงานในภาคการผลิต บริการภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมเหมือง การศึกษา และการดูแลสุขภาพมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อัตราว่างงานของสหรัฐในขณะนี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2552 ซึ่งทำสถิติลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากระดับ 9.8% ในเดือนพ.ย. 2553